พิษณุโลก - “หมอปลา” นำทีมงานบุกวัดใหม่พรหมพิราม ตั้งโต๊ะคุย-ไลฟ์สดเคลียร์ปมทางวัดขึ้นป้ายต่อต้าน เจ้าอาวาสฯ เจอถามฉันเหล้าหงส์ทอง-สั่งหมูกระทะกินในวัดซ้ำรอย 3 ปีก่อน จนยอมรับฉันจริง พร้อมขอเวลา 3 วันพิจารณาสถานะตัวเอง
สายวันนี้ (5 พ.ค. 65) หมอปลา หรือนายจีรพันธ์ เพชรขาว พร้อมด้วยป้ารัตนา และทีมงาน ได้เดินทางไปที่วัดใหม่พรหมพิราม 294/3 หมู่ 2 ตำบลหอกลอง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
หลังเจ้าอาวาสวัดฯ ติดป้ายต้านหมอปลา และยอมรับในเวลาต่อมาว่าเป็นคนที่สั่งร้านป้ายทำป้ายไวนิลต้านหมอปลา จนเป็นข่าวเกรียวกราวมาแล้ว รวมทั้งมีประเด็นพระครูธีรศาส กิตจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม ดื่มเหล้าหงส์ทองและสั่งหมูกระทะมาฉันพร้อมพระในวัดทั้ง 6 รูป
โดยหมอปลา ป้ารัตนา พร้อมด้วยทนายความ ได้เข้าพบ-ตั้งโต๊ะพูดคุยกับพระครูธีรศาส กิตจาทร เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม รวมทั้งไลฟ์สดผ่านเพจ “หมอปลาช่วยด้วย”
ทั้งนี้ หมอปลาได้ทำบุญยอด 1,800 บาท บอกว่าเป็นค่าป้ายไวนิล และคณะก็ได้ร่วมทำบุญเพิ่มด้วย จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกัน
ซึ่งทางเจ้าอาวาสวัดก็ได้มีการยอมรับว่าเป็นคนสั่งทำป้ายจริง ขออภัยหมอปลาและทางญาติโยมด้วย ถือว่าทำความผิดก็ได้ทำการปลงอาบัติไปแล้ว แต่ตอนทำนั้นยืนยันว่าคิดน้อยไปหน่อย พอมีการส่งต่อภาพป้ายกันมาในไลน์ ตนก็เลยสั่งร้านทำว่าเอาป้ายแบบนี้
“ยืนยันว่าข้อความทั้งหมดไม่ได้คิดเองดูจากหลักฐานในไลน์ได้ ยอมรับผิดว่าคิดน้อยไปหน่อยไม่ทันได้นึกถึงผลกระทบที่จะตามมา”
หลังจบเรื่องป้ายไวนิล ทีมข่าวก็ได้สอบถามถึงกรณีที่มีการร้องเรียนเรื่องเจ้าอาวาสติดเหล้า ฉันเหล้าเป็นประจำ
ซึ่งเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวก็ยอมรับว่าฉันเหล้าจริง แต่ไม่ได้ฉันบ่อย ฉันเฉพาะเวลาเครียดเท่านั้นและยอมรับว่าเพิ่งฉันไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนเรื่องหมูกระทะก็ยอมรับเช่นกันว่าเคยมีการโทร.สั่งมาฉันและเลี้ยงพระลูกวัดภายในวัดจริง
ขณะที่ตัวแทนชาวบ้านที่มาสังเกตการณ์ก็ล้วนบอกว่า เจ้าอาวาสเคยทำแบบนี้มาแล้ว เมื่อ 3 ปีก่อนชาวบ้านก็จับได้เรื่องฉันเหล้าตัวเจ้าอาวาสก็ขอโอกาสมาแล้ว 1 ครั้ง แล้วก็มาทำอีก ส่วนครั้งนี้ชาวบ้านก็เห็นร่วมกันว่าจะไม่ขับไล่เจ้าอาวาสแต่จะให้เจ้าอาวาสพิจารณาตัวเองว่าสมควรที่จะอยู่ในสมณเพศครองผ้าเหลืองต่อไปหรือไม่
หลังจากนั้นก็ได้มีการโฟนอินคุยกับผู้ใหญ่บ้านให้คุยกับเจ้าอาวาส ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านก็ยืนยันว่าหากเจ้าอาวาสทำผิดจริงและยอมรับความจริงก็ควรลาสิกขาไป
เบื้องต้นตัวเจ้าอาวาสเองก็ยินดีรับข้อพิจารณานี้ โดยขอเวลาตัดสินใจเป็นเวลา 3 วันเพื่อรอทำการไต่สวนลงมติจากคณะสงฆ์และสำนักพุทธ ก่อนขอตัวไปพักผ่อน
ด้านตัวแทนชาวบ้านก็บอกว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ในพื้นที่ชาวบ้านรุ่นต่อรุ่นมาทำบุญที่นี่กันเรื่อยมา จนเมื่อ 3 ปีก่อนมาทราบเรื่องเจ้าอาวาสประพฤติตนไม่เหมาะสม เจ้าอาวาสขอโอกาสญาติโยมอีกครั้ง ชาวบ้านก็ให้โอกาส แต่คนก็เริ่มห่างวัด มาทำบุญน้อยลง แล้วตอนนี้ก็ยังทำอีก และทำให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียง ถึงชาวบ้านจะไม่ขับไล่เพราะเห็นแก่เป็นพระที่บวชมานานถึง 35 ปี แต่ก็ให้ท่านไปพิจารณาตนเองว่าสมควรที่จะสึกแล้วหรือไม่ แต่หากท่านยืนยันไม่สึกจะใช้เพียงการปลงอาบัติเพียงอย่างเดียว ก็เกรงว่าชาวบ้านจากนี้คงไม่ศรัทธาและคงไม่เข้ามาทำบุญที่วัดแห่งนี้อีก