กาญจนบุรี - งานเข้าพ่อแม่ 5 นายพรานโหดยิงเสือโคร่งแล่เนื้อถลกหนัง กรมอุทยานฯ สั่งขับไล่ รื้อถอนบ้านออกไปให้พ้นเขตอุทยานฯ ภายใน 30 วัน หลังรู้ว่าผู้ต้องหาทำผิดแต่ไม่ห้าม เข้าข่ายฝ่าฝืนมติ ครม.30 มิ.ย.41 หากไม่ยอม เจอคุก 4-20 ปี ปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท
วันนี้ (18 ม.ค.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตามข้อสั่งการปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อสั่งการของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ยกระดับการปฏิบัติการในการป้องกัน และปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า และล่าสัตว์ป่าให้เด็ดขาด และเข้มข้นในจังหวัดกาญจนบุรี
ตามที่ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบไปด้วย นายรัชชานนท์ เจริญทรัพย์ อายุ 30 ปี นายศุภชัยเจริญทรัพย์ อายุ 34 ปี (สองพี่น้อง) อยู่บ้านเลขที่ 91/พ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นายจอแห่ง ธนารักษ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/พ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นายกูกือ ยินดี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/พ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ และนายโซว ไม่มีนามสกุล อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 /ซ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้ถูกดำเนินคดี ในข้อหาล่าสัตว์ป่าคุ้มครองเสือโคร่งที่ใกล้สูญพันธุ์ ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาอื่นๆ อีกรวม 11 ข้อหา
ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน หรือญาติ หรือบริวารที่อยู่อาศัยในบ้าน หรือโรงเรือนทั้ง 4 หลัง ได้รับการผ่อนปรนให้อยู่อาศัยในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2541 แต่มติคณะรัฐมนตรีด้านป้องกันพื้นที่ป่าไม้และอื่นๆ ได้บัญญัติไว้ว่า ถ้ามีการกระทำการใดๆ อันเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่ หรือขยายพื้นที่อยู่อาศัย ที่ทำกินเพิ่มเติม หรือเป็นการทำลาย หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาป่า หรือสิ่งแวดล้อม ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเฉียบขาด และเพื่อป้องกันมิให้มีการยึดถือครอบครองพื้นที่ ให้ผู้มีอำนาจหน้าที่สั่งให้ผู้กระทำความผิด ออกจากพื้นที่ ทำลาย รื้อถอน และหรือ ดำเนินการอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
การที่ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ได้กระทำการล่าเสือโคร่งที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองใกล้สูญพันธุ์ หรือกระทำการผิดกฎหมายข้อหาอื่นๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ส่วนญาติหรือบริวารที่อยู่อาศัยในบ้านหรือโรงเรือนดังกล่าว รู้ หรือควรรู้ในเรื่องดังกล่าวกลับไม่ห้ามปราม การกระทำในลักษณะดังกล่าวเป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนต่อการรักษาป่าและสิ่งแวดล้อม จึงเป็นการฝ่าฝืนหรือผิดเงื่อนไข ตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย.2541 ด้านป้องกัน เพราะฉะนั้น ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน หรือญาติ หรือบริวารที่อยู่ในบ้านหรือโรงเรือนทั้ง 4 หลัง จึงต้องออกจากเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และต้องทำลาย รื้อถอนบ้านหรือ โรงเรือนทั้ง 4 หลัง ออกไปให้พ้นจากเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตามมติ ครม. 30 มิ.ย.2541 ด้านป้องกัน ที่ได้บัญญัติไว้
ดังนั้น วันนี้ตนจึงสั่งการให้นายกมลาศ อิสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม นายศรันย์วุฒิ พรสรายุทธ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.18 (วังเกียง) และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า รวม 30 นาย ให้ไปติดประกาศคำสั่งให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน หรือญาติหรือบริวารที่อยู่ในบ้าน หรือโรงเรือนทั้ง 4 หลังต้องออกไปให้พ้นเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และต้องรื้อถอนบ้าน หรือโรงเรือน ไปให้พ้นในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ภายใน 30 วัน นับแต่วันนี้ (18 ม.ค.)
ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (1) ฐาน ยึดถือครอบครองที่ดินภายในเขตอุทยานแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ซึ่งกรณีดังกล่าวศาลฎีกาได้เคยมีคำพิพากษา วางแนวเป็นบรรทัดฐานไว้ว่า บุคคลใดถึงแม้อ้างว่ามาอยู่ก่อนหรืออยู่หลังประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ หากมิได้มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองโดยชอบกฎหมายในที่ดินนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ไม่ว่าจะมาอยู่อาศัยนานเพียงใดก็ตาม เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 2480/2541 นายนิพนธ์ กล่าว