ราชบุรี - "ทวี ไกรคุปต์" แซะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นไปไม่ได้หวังชนะถล่มทลายแลนด์สไลด์เหมือนยุคไทยรักไทย พร้อมฟันธง บิ๊กตู่ เป็นนายกรัฐมนตรียาวถึงปี 2570 ไม่มีการยุบสภา
จากกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินหน้าทีมครอบครัวเพื่อไทย มุ่งหวังคืนความฝันให้คนไทย มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน พร้อมรับพื้นที่ภาคกลางพรรคยังไม่เข้มแข็ง ย้ำต้องทำให้แน่นก่อนรับศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ลั่นตั้งใจให้ได้เกินครึ่งตามประกาศแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน
ล่าสุด นายทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า "หมอชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่พยายามสร้างกระแสการเลือกตั้งครั้งหน้าชนะถล่มทลายแลนด์สไลด์ เช่น รัฐบาลพรรคเดียวเหมือนพรรคไทยรักไทย พร้อมแถลงข่าวใหญ่โตว่า ส.ส.ภาคกลางมี 90 กว่าคน การเลือกตั้งครั้งหน้าได้เกิน 50 คน เหมือนยุคไทยรักไทย ผมขอเรียนในฐานะเคยเป็น ส.ส.ภาคกลาง มายาวนานว่า คนภาคกลางส่วนใหญ่จะเลือก ส.ส.พรรครัฐบาล เพราะเห็นว่าเป็น ส.ส.พรรครัฐบาล สามารถสนองตอบความต้องการของประชาชน และพัฒนาพื้นที่จังหวัดได้ดีกว่า ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน
ในยุค นายทักษิณ ลงศึกครั้งแรก สู้กับพรรคประชาธิปัตย์ คนชอบนโยบายของพรรคไทยรักไทย และวิเคราะห์ว่า นายทักษิณ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงเลือกพรรคของนายทักษิณ คือ ส.ส.ราชบุรี ทั้ง 5 คน และ จ.เพชรบุรี 3 คน เป็นของพรรค นายทักษิณ ยกจังหวัดได้ ส.ส.ภาคกลาง 80% ภาคเหนืออีสาน 80% เป็นรัฐบาลพรรคเดียว แต่มาถึงยุคหมอชลน่าน เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สืบทอดจากพรรคไทยรักไทย ปลุกกระแสพรรคเพื่อไทย ชนะถล่มทลายแลนด์สไลด์ เหมือนยุคไทยรักไทย
"จากประสบการณ์ทางการเมืองอันยาวนานผมฟันธงได้เลยว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะนายทักษิณ เป็นคนเฉลียวฉลาด เป็นนักธุรกิจประสบความสำเร็จ มีความจำดีและจำได้นาน มีวิสัยทัศน์กว้างไกล แตกต่างกับหมอชลน่าน อย่างสิ้นเชิง เพราะเพียงแค่จำนวน ส.ส.ภาคกลาง หมอชลน่าน ยังจำผิดว่ามี 90 กว่าคน พูดอยู่ท่ามกลาง ส.ส.แกนนำพรรคหลายคน โดยไม่มีใครทักท้วงหัวหน้าพรรคพูดปล่อยไก่ตัวโต โดยแท้จริง ส.ส.ภาคกลาง มีเพียง 50 กว่าคนเท่านั้น"
ในยุคหมอชลน่าน เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มี ส.ส.ภาคกลางเหลือเพียง 20% จึงเป็นไปไม่ได้ที่การเลือกตั้งครั้งหน้าจะชนะถล่มทลายแลนสไลด์ ได้ ส.ส.ภาคกลางเกิน 50 คน ตามที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยสร้างกระแส จากผลการเลือกตั้งนายก อบต. เมื่อวันที่ 28 พ.ย.64 เครือข่ายของพรรคพลังประชารัฐ ชนะถล่มทลายเกินครึ่ง เก็บ 4,500 อบต. จ.ราชบุรี จ.เพชรบุรี จ.กาญจนบุรี 80% ลูกชายผมก็ลงสมัครด้วย โดยผมไม่ได้ช่วยหาเสียง ให้เขาสู้กันเองโดยไม่มีชื่อพรรค ในพื้นที่ทราบกันดีว่า เป็นเครือข่ายพรรคพลังประชารัฐ มีหลายพื้นที่ที่แข่งขันกันเองใครชนะก็เป็นพลังประชารัฐ เช่นที่ จ.ชัยภูมิ ยุคนายทักษิณ ได้นายก อบต. 80% แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเหลือเพียง 20% อีก 80% เป็นของพรรคพลังประชารัฐ
ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่ผ่านมา เครือข่ายของพรรคพลังประชารัฐ ชนะเกินครึ่งหลายจังหวัด แข่งขันกันเองก็มี เช่น จ.กำแพงเพชร 2 ทีมแข่งกันเอง ใครชนะเป็นเครือข่ายของพรรคพลังประชารัฐ ฝ่ายที่แพ้ยังทำงานการเมืองอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ ถึงแม้พรรคไม่ได้ให้การสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ขณะที่สื่อบางสำนักได้เสนอข่าว "รัฐบาลอัดฉีดเงินช่วยชาวนา 3 เด้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประเดิมกดปุ่มจ่ายเงินประกันราคาข้าว พร้อมแจกอัด" ภาพนี้แสดงให้เห็นความรักความผูกพันของ 2 ป.อยู่เหมือนเดิม ไม่เป็นไปตามกระแสที่ปั่นให้แตกแยกจากกัน ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศให้ทุกคนได้ทราบโดยทั่วกันแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคหพลังประชารัฐ ขอเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่บนบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐเพียงคนเดียว และ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบรับเช่นกันว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ เป็นสัตยาบันที่สังคมไทยได้รับรู้โดยทั่วกัน
"จึงขอฟันธงว่า เลือกตั้งครั้งหน้าเขียนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ไว้ข้างฝาบ้านได้เลย และจะเป็นนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญ นับตั้งแต่เดือน ก.ค.62 ถึง ก.ค.70 และรัฐบาลนี้จะอยู่ครบเทอมไม่มีการยุบสภา จะเป็นไปตามที่ผมฟันธงหรือไม่ คงไม่นานเกินรอได้รู้กัน"