ประจวบคีรีขันธ์ - จอดทิ้ง! ประธานสภาเทศบาลประจวบฯ จี้ดีเอสไอ สตง. ป.ป.ช. เร่งชี้มูลคดีรถดับเพลิงทิพย์ 30 ล้านบาท ซื้อจอดทิ้งนิ่งสนิทนาน 9 ปี
วันนี้ (9 พ.ย.) นางกุหลาบ แฝงแก้ว ประธานสภาเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ แกนนำสมาชิกสภาเทศบาล ทีมพลังบ้านเกิด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาผู้อำนวยการสำนักงานตรวจสอบพิเศษภาค 12 จ.เพชรบุรี นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถดับเพลิงมูลค่ามากกว่า 30 ล้านบาท และแจ้งให้เทศบาลพิจารณาประเมินราคาซ่อมเพื่อนำไปใช้งานตามวัตถุประสงค์ โดยเทศบาลจัดซื้อตั้งแต่เดือน พ.ย.2555 ปัจจุบันรถดับเพลิงดังกล่าวอยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างหนัก ไม่สามารถใช้การได้ จอดทิ้งไว้ที่กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ห่างจากศาลากลางจังหวัดเพียง 200 เมตร ล่าสุดทราบว่า ส.ท. จะสอบถามในการประชุมสภาเพื่อให้ฝ่ายบริหารชี้แจงข้อเท็จจริง
นางกุหลาบ กล่าวอีกว่า จากนั้นตัวแทนฝ่ายสภาจะทำหนังสือสอบถามไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอทราบความคืบหน้าในการตรวจสอบการทุจริต ทั้งการกำหนดสเปกล่วงหน้า การลงนามจัดซื้อ การลงนามของกรรมการตรวจรับพัสดุ การตรวจสอบฮั้วประมูล
เนื่องจากได้จัดซื้อรถดับเพลิงนานกว่า 9 ปี แต่ไม่เคยนำมาใช้งานจริง ดังนั้น สตง.หรือ ป.ป.ช.ควรเร่งชี้มูลความผิดเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ค่าเสียหายให้เทศบาล เนื่องจากงบจัดซื้อ 29 ล้านบาท เป็นเงินกู้ แต่รวมดอกเบี้ยแล้วมากกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งกองคลังแจ้งว่าใกล้หมดระยะเวลาการผ่อนชำระกับสถาบันการเงิน
"ยอมรับว่าการจัดซื้อรถดับเพลิงจากเงินกู้เป็นบทเรียนของ ส.ท.ทีมพลังบ้านเกิด ทำให้เกิดความเสียหายจากการใช้งบประมาณโดยไม่เกิดประโยชน์ ขณะนั้นทีมพลังบ้านเกิดมีเสียงข้างมาก 12 คน แต่มี ส.ท. 6 คนยกมือสนับสนุนเสียงของทีม ส.ท.จากกลุ่มรักษ์ถิ่นที่มี 6 เสียง ก่อนทำหน้าที่ครบ 4 ปี ไม่กี่เดือน โดยหัวหน้ากลุ่มรักษ์ถิ่นเป็นผู้บริหารเทศบาลเสนอญัตติเข้าสภาเมื่อปี 2554" นางกุหลาบ กล่าว
ด้านแหล่งข่าวอดีตกรรมการตรวจรับพัสดุ 2 ราย ซึ่งไม่มีรายชื่อลงนามรับมอบรถดับเพลิงดังกล่าว ระบุว่า มีการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในการจัดซื้อ โดยเฉพาะปัญหาจากระบบไฮโดรลิกทำงานช้า หลังจากผู้บริหารเทศบาลลงนามซื้อเมื่อปี 2555 ทราบว่า มีสัญญาการรับประกันคุณภาพ 2 ปี มีการนำเจ้าหน้าที่ไปฝึกใช้งานร่วมกับตัวแทนบริษัท พบว่า มีปัญหาในการใช้งาน เช่นเดียวกับเทศบาลในจังหวัดภาคกลางอีกหลายแห่ง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจความปลอดภัยจากการใช้บันไดที่มีความสูง 18 เมตร ส่วนกรณีที่ สตง.สั่งให้ตรวจสอบเพื่อนำกลับไปใช้งานตามปกติ ยืนยันว่าไม่สามารถซ่อมได้ และไม่สามารถติดต่อผู้จำหน่ายได้