นครพนม - ชาวนาที่บ้านนาล้อม อ.โพนสวรรค์ นครพนม ไม่สนข้าวเปลือกราคาตกต่ำมากน้อยแค่ไหนเพราะไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย เพราะข้าวที่ปลูกจะเก็บเกี่ยวนำมาแปรรูปเป็นข้าวเม่าหวานส่งขายทั่วประเทศ ขายได้สูงถึงกิโลกรัมละ 200 บาท
แม้ราคาข้าวเปลือกในห้วงนี้จะตกต่ำชนิดที่ว่าราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ซองยังขายได้แพงกว่า แต่ชาวนาหมู่บ้านนาล้อม ต.นาหัวบ่อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ยังสามารถขายข้าวเปลือกส่งโรงงานในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด โดยข้าวเปลือกจากแหล่งผลิตบ้านนาล้อมนำไปแปรรูปผลิต “ข้าวเม่าหวาน” ตามภูมิปัญญาแต่โบราณที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งข้าวเม่าจะหารับประทานได้เพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น กลุ่มชาวนาที่นี่จึงไม่มีปัญหากับราคาข้าวเปลือกที่ลงหรือขึ้นตามกลไกตลาดแต่ประการใด
นางสาวเจตสุดา ชินบูรณ์ อายุ 42 ปี หนึ่งในชาวบ้านบ้านนาล้อม ปัจจุบันเป็นประธานกลุ่มแปรรูปข้าวเม่าหวานบ้านนาล้อม หมู่ 2 ซึ่งกันเนื้อที่หน้าบ้านส่วนหนึ่งสร้างเป็นเพิงพักผลิตข้าวเม่า มีคนในครอบครัวแบ่งหน้าที่ช่วยกันผลิตข้าวเม่า จัดโซนการผลิตเป็นสัดส่วนอย่างลงตัว มีเสียงเครื่องจักรดังกระหึ่มแทบตลอดวัน นางสาวเจตสุดาบอกว่า ก่อนจะมาแปรรูปทำข้าวเม่าขายเคยเป็นพนักงานโรงงานอยู่ย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ แต่สู้ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ไหว ลูกๆ อยู่ในวัยเรียนมีค่าใช้จ่ายสูง
จึงชักชวนสามีกลับบ้านเกิดจังหวัดนครพนมยึดอาชีพทำนาทำเกษตรหาเลี้ยงครอบครัว ว่างจากการทำเกษตรก็จะไปรับจ้างเป็นคนงานแปรรูปข้าวเม่าที่อยู่ในหมู่บ้าน เห็นรายได้ดี มีคนมารับถึงที่ จึงลองทำดูบ้าง เริ่มต้นจากข้าววันละ 20 กิโลกรัม ใช้มือตำใส่ครกไม้สองคนผัวเมีย ปรากฏว่าขายดีมาก
จึงได้พัฒนาอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือเป็นระบบไฟฟ้า ดัดแปลงสิ่งของใกล้ตัวมาประกอบเป็นเครื่องทุ่นแรง และได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐนำเครื่องซีลสุญญากาศ สามารถเก็บได้นาน อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ทุกวันนี้เร่งผลิตให้ลูกค้าแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 40-50 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 180-200 บาท ส่งขายออนไลน์ทั่วประเทศ และต่างประเทศด้วย
นางสาวเจตสุดาบอกอีกว่า ข้าวเปลือกที่นำมาทำข้าวเม่านั้นเป็นข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6 และต้องเป็นข้าวอ่อนก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณ 10-15 วัน ซึ่งกำลังเป็นข้าวน้ำนม การทำข้าวเม่าจะต้องทำวันต่อวัน เพื่อรักษาคุณภาพความใหม่ สด หอม น่ารับประทาน เริ่มผลิตข้าวเม่าปลายเดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ประมาณสามนาฬิกา (ตีสาม) จะไปเกี่ยวข้าวสดๆ ในนาของเพื่อนบ้านที่ตกลงซื้อขายกันไว้ก่อนแล้ว หากเกี่ยวทิ้งค้างคืนข้าวเม่าจะไม่หอม
จากนั้นจะนำเมล็ดข้าวมาล้างทำความสะอาด ก่อนจะนำมาแช่น้ำ ขั้นตอนสำคัญเหมือนหัวใจการผลิตข้าวเม่าอยู่ที่หลังจากต้มจนสุก คือคั่วให้ข้าวแห้ง หากคั่วข้าวแห้งเกินไปข้าวจะแข็งไม่น่ารับประทาน ต่อจากนั้นนำไปสีกะเทาะเปลือกออก และใส่ครกไม้ตำให้นิ่ม แล้วเอาไปสีร่อนเปลือกให้สะอาดอีกครั้ง ก่อนจะนำออกขายส่งแก่ลูกค้า
รายได้จากการทำข้าวเม่าจะดีกว่านำข้าวเปลือกขายแก่นายทุน ครอบครัวอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะทำข้าวเม่า อันเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ