โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ กำชับดูแลชาวนาจากปัญหาราคาข้าวตกต่ำ เร่งเดินหน้าบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องเกษตรกรเต็มที่
วันนี้ (5 พ.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่ได้นิ่งนอนใจ กรณีพี่น้องชาวนาร้องเรียนว่า ขณะนี้ราคาข้าวตกต่ำจนถูกกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ได้กำชับกระทรวงพาณิชย์ และ ธ.ก.ส. เร่งหาแนวทางว่าจะแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเกษตรกรอย่างไร ทั้งนี้ เข้าใจดีว่า ขณะนี้พี่น้องชาวนาได้รับผลกระทบหลายด้านทั้งจากโรคโควิด-19 น้ำท่วมและราคาข้าวตกต่ำ จึงต้องหาทางบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็ว
นายธนกร ยังกล่าวถึงราคาข้าวที่ลดต่ำลงในช่วงนี้ ว่า มาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น การส่งออกข้าวไปต่างประเทศ และการบริโภคในประเทศที่ลดลง ปริมาณฝนตกชุก และปัญหาน้ำท่วม ส่งผลต่อคุณภาพข้าว อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ขณะนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมากขึ้นในช่วง 6 เดือนหลัง ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันข้าวไทย คาดว่า ปีนี้จะส่งออกได้ราว 6 ล้านตัน ตามที่ตั้งเป้าไว้ ประกอบกับความต้องการบริโภคในประเทศสัญญาณดีขึ้นจากการเปิดประเทศ สถานการณ์น้ำท่วมที่เริ่มคลี่คลายลง และมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์เข้าไปแก้ไขปัญหา จะช่วยให้ราคาข้าวเปลือกในตลาดดีขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุด ธนาคาร ธ.ก.ส. แจ้งว่า ระบบจะสามารถโอนเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการประกันรายได้ งวดแรกในวันที่ 9 พ.ย.นี้
สำหรับมาตรการดูแลพี่น้องชาวนามีทั้งโครงการประกันรายได้ปี 2564/65 โดยกำหนดราคาข้าวเปลือกที่ความชื้นไม่เกิน 15% เช่น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท รวมทั้งยังมีมาตรการคู่ขนานเหมือนกับปีก่อนโดยให้เกษตรกรรวบรวมจัดเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง ซึ่งจะได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท และรับซื้อข้าวเปลือกกับสหกรณ์และโรงสีเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง โดยชดเชยดอกเบี้ย 3% ระยะเวลา 2-6 เดือน สำหรับโรงสี และ 1 ปี สำหรับสหกรณ์ นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการนอกพื้นที่เข้าไปช่วยรับซื้อข้าวเหนียวในพื้นที่ภาคเหนือ 7 จังหวัด ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564 และอนุมัติโครงการตลาดนัดข้าวเปลือกให้มีผู้รับซื้อเข้าไปแข่งขันรับซื้อในพื้นที่ที่มีผู้รับซื้อไม่เพียงพอกับผลผลิต เพื่อให้เกิดการแข่งขันและราคา ใน 19 จังหวัด อีกด้วย