ราชบุรี - ตำรวจเรียกน้องโมเดลสอบเพิ่มเติม กรณีป้าสะใภ้ทำหลานอายุ 2 ขวบ เสียชีวิตก่อนนำไปฝังอำพรางไว้ท้ายไร่อ้อยใน จ.ราชบุรี เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยแพทย์วินิจฉัย ว่า ไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้
จากกรณี น.ส.สุรินทร์ แอบเสมา อายุ 30 ปี ได้ว่าจ้างนางรุ้งลาวัลย์ พุ่มบัว อายุ 42 ปี ผู้เป็นพี่สะใภ้ให้ดูแลลูกสาว 2 คน คือ น้องนาเดีย อายุ 2 ขวบ และน้องโมเดล อายุ 5 ขวบ แต่ต่อมา นางรุ้งลาวัลย์ ทำให้น้องนาเดียเสียชีวิต แล้วนำศพไปฝังไว้ที่ท้ายไร่อ้อย ห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ ในพื้นที่ ม.2 ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หลังจากนั้นได้ขี่จักรยานยนต์พาน้องโมเดล หนีไปต่างจังหวัด จนถูกจับได้ที่ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามที่มีการเสนอข่าวมาแล้ว
ล่าสุด วันนี้ (26 ส.ค.) น.ส.สุรินทร์ แอบเสมา และนายอัมพล ลือบางใหญ่ อายุ 34 ปี ผู้เป็นพ่อ ได้พา "น้องโมเดล" มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สำนักงานอัยการภาค 7 พร้อมพบกับ พ.ต.ท.วิโรจน์ เจริญใจ สารวัตร (สอบสวน) สภ.โพธาราม
หลังจากการสอบสวนเสร็จสิ้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดคุยกับทางพ่อแม่ของน้องนาเดีย และบอกผลการวินิจฉัยของแพทย์สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ว่า “ไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้ เนื่องจากสภาพศพมีการเปลี่ยนแปลงหลังการตายอย่างมาก”
น.ส.สุรินทร์ กล่าวว่า รู้สึกโล่งในส่วนของผลการชันสูตรบอกว่าไม่สามารถบอกสาเหตุการตายเพราะศพเน่ามาก หลังจากให้ปากคำแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นไม่ต้องติดค้างอะไรแล้ว ในส่วนของคดีรอตำรวจโทร.มาอีกครั้งตอนจะขึ้นศาล และจะดูอีกครั้งตอนขึ้นศาลว่าจะทำอย่างไรต่อ
น.ส.สุรินทร์ กล่าวว่า เคยฝันถึงน้อง ขณะที่ทำบุญก็ตามมารับบุญ โดยเห็นในกระจกตอนทำบุญ 49 วัน เป็นรางๆ และยังมาหาน้องโมเดล อีกในวันที่เผาศพ พร้อมทั้งส่งกลิ่นเหม็น ด้านสภาพจิตใจของน้องดีขึ้น บอกแม่คิดถึงน้องแล้วเอารูปมากอดแล้วเขาก็ร้องไห้ แล้วเราก็ร้องตามเพราะความคิดถึง ซึ่งตอนนี้ไม่ได้ติดค้างอะไรแล้ว เพราะผลชันสูตรออกมาแบบนี้ ตัวพี่สะใภ้เองก็รับกรรมของเขาไป ลูกเราเสียไปแล้วทำอะไรไม่ได้แล้ว
นายอัมพล กล่าวว่า ฝากบอกสำหรับคนที่ให้คนอื่นเลี้ยง อยากให้คนเป็นพ่อแม่ดูแลเองดีกว่าให้คนอื่นดูแล มันผิดพลาดไปแล้วแก้ไข หรือเอาคืนมาไม่ได้
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาต่อนางรุ้งลาวัลย์ พุ่มบัว อายุ 40 ปี ผู้เป็นพี่สะใภ้ ในข้อหากระทำความผิดฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและลอบฝังซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งความตาย และการทำโดยไม่มีเหตุอันสมควร ทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสี่ยมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ ส่วนของศพ รวมทุกข้อหาจะถูกตัดสินจำคุกไม่เกิน 14 ปี