วันนี้ (26 ส.ค.) นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 ที่เพิ่งพ้นไป มีแนวโน้มส่งสัญญาณการสมคบคิดแก้ไขเพื่อประโยชน์ของพรรคใหญ่ เพราะการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบนั้น พรรคพลังท้องถิ่นไทเห็นว่า จะใช้บัตรเลือกตั้งกี่ใบก็ได้ แต่การไปเพิ่มจำนวน ส.ส.เขต และลดจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะทำให้พรรคที่มีทุนหนาได้ประโยชน์ แต่พรรคเล็กไม่มีโอกาส ถ้าเกิดการเลือกตั้งใหม่จะเกิดระบบเผด็จการรัฐสภา พรรคเล็กจะสูญพันธุ์ ควรใช้ระบบคู่ขนานหรือการจัดสรรปันส่วนมาใช้คำนวณ ส.ส. ถ้าใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบในระบบนี้ ผลการเลือกตั้งจะมีพรรคการเมือง 1 หรือ 2 พรรคได้เสียงข้างมาก ไม่มีการถ่วงดุลจากพรรคขนาดกลางและพรรคเล็ก พรรคใหญ่สามารถงุบงิบมีวาระซ่อนเร้นได้ ถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้มีบางอย่างส่งสัญญาณหรือมีวาระซ่อนเร้นไม่โปร่งใส เกรงจะนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองในอนาคต เหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 ที่เป็นต้นเหตุความขัดแย้งทางการเมือง นำไปสู่การรัฐประหาร และมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้อีก อยากเตือนสติการพิจารณาการแก้รัฐธรรมนูญวาระสาม ขอให้คิดให้ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเล็กในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล มีแนวทางจะโหวตคว่ำร่างแก้รัฐธรรมนูญในวาระสามหรือไม่ นายโกวิทย์ ตอบว่า พรรคเล็กมี 2 แนวทางคือ งดออกเสียงกับไม่เห็นด้วย แต่ไม่ลงมติเห็นด้วยแน่นอน ต้องประชุมหารือกันในพรรคเล็กอีกครั้ง เพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกัน เมื่อถามว่า หากโหวตวาระ 3 แพ้ จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายโกวิทย์ ตอบว่า กำลังหารือกันอยู่ แต่มั่นใจว่า เสียงพอยื่นแน่ เพราะพรรคเล็กทั้งพรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคประชาชาติ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคเศรษฐกิจ พรรคพลังธรรมใหม่ รวมกันแล้วมีประมาณ 20 เสียง รวมกับพรรคภูมิใจไทยที่มี 50 กว่าเสียง รวมแล้วมี 70 กว่าเสียง เพียงพอจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงจะหารือกับพรรคก้าวไกลด้วยว่า จะร่วมเข้าชื่อด้วยหรือไม่ โดยจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ชอบ แต่จะมีเนื้อหาอย่างไรขอไปหารือกันก่อน และเชื่อว่า หากการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้สำเร็จ มีสัญญาณว่า พรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยจะจับมือตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งแน่นอน เมื่อถามว่า พรรคเล็กจะตัดสินใจถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายโกวิทย์ ตอบว่า ขอรอดูข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนว่า รัฐมนตรีจะตอบชี้แจงได้หรือไม่