xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : ถอดชนวนล้มแก้ รธน.ขวางเลือกตั้งบัตร 2 ใบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2564 ตอน ถอดชนวนล้มแก้ รธน.ขวางเลือกตั้งบัตร 2 ใบ



เส้นทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนระบบเลือกตั้งส.ส.ให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งส.ส.2 ใบ แบบรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ที่คิดกันว่า จะง่าย ผ่านฉลุยแบบม้วนเดียวจบ มาถึงขณะนี้ชัก ไม่แน่ เป็นงานยากแล้ว โอกาสที่บัตรสองใบ จะกลับมาอีกครั้ง ยัง 50-50
คือ มีโอกาสทั้งเป็นไปได้ ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ ได้บัตรสองใบ คัมแบ็ก หรือไม่ก็โดนล้มกระดาน ที่ทำมาทั้งหมด สูญเปล่าอีกรอบ

จากเหตุที่ เห็นวี่แวว การแก้รธน.รอบนี้ เสี่ยงโดนสกัดได้ทุกทาง ยิ่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาจากคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีไพบูลย์ นิติตะวัน จากพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน วางทุ่นระเบิดไว้รายทางหลายลูก

โดยเฉพาะเงื่อนไขข้อกฎหมาย ที่หมิ่นเหม่เปิดช่องให้บางฝ่าย ที่ไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หยิบยกมาเป็นเหตุ ล้มกระดานได้โดยง่าย

เนื่องจาก หลังกรรมาธิการไปแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม จากร่างเดิมของประชาธิปัตย์ที่รัฐสภาโหวตผ่านมาวาระแรกให้แก้ไขแค่ 2 มาตรา คือมาตรา 83 และ 91 ที่มีสาระสำคัญคือ แก้ให้กลับไปใช้บัตรสองใบ -เปลี่ยนจำนวนส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ จากปัจจุบัน ส.ส.เขต 350 คน ปาร์ตี้ลิสต์ 150 คน ก็แก้เป็น ส.ส. เขต 400 คนและปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน

แต่ปรากฏว่ากรรมาธิการแก้รัฐธรรมนูญ เสียงข้างมาก โดยการจับมือกันของกรรมาธิการจากเพื่อไทย พลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์ และสว.บางส่วน ไปแก้ไขมาตราเพิ่มเติมขึ้น รวมถึง เขียนเพิ่มใหม่ ขึ้นมาอีกร่วม 6 มาตรา

เลยเป็นประเด็นล่อแหลม สุ่มเสี่ยงต่อการถูกล้มกระดาน ให้การแก้ไขรธน.เป็นโมฆะได้ โดยเฉพาะหากมีการยื่นคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

จังหวะนี้ จึงทำให้ พรรคการเมืองทีไม่เอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะให้มีบัตรสองใบ ออกมาขวางแก้รัฐธรรมนูญ เพราะตัวเองจะเสียประโยชน์ เพราะหลายพรรครู้ตัวเองดีว่า ถ้ากลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบรธน. ปี 40 ให้มีบัตรสองใบ มันเสี่ยงสูง ที่จะได้ส.ส.ทั้งระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์ ลดน้อยลงจากการเลือกตั้งปี 2562 มาก

อีกทั้งวิตกว่า หากใช้บัตรสองใบ เพิ่มส.ส.เขต จาก 350 คนเป็น 400 คน จะทำให้เขตเลือกตั้งเล็กลง การแข่งขันจะรุนแรง ยิ่งเมื่อไปลดจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อลงจาก 150 คน เหลือแค่ 100 คน มันก็เข้าทางพรรคใหญ่ เพราะมีโอกาสได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นกอบเป็นกำ ส่วนพรรคกลางๆ สอดแทรกได้ยาก อาจได้บ้างแต่ก็จะลดลง

เลยไม่แปลกที่ บางพรรคอย่าง พรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย ออกอาการต้านการแก้ไขรธน.รอบนี้ เพราะกติกาต่างๆ ที่จะแก้ไข ฝ่ายตัวเองเสียประโยชน์เต็มๆ แต่ต้องตีเนียนยกเหตุต่างๆมาตีหล่อ ไม่เอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

จนมาสบโอกาส ใช้เรื่องกรรมาธิการ ไปแก้ไขรธน.เพิ่มเติมหลายมาตรา ขึ้นมาเป็นเหตุผลในการขวางลำ แก้รัฐธรรมนูญ ฟื้นบัตรสองใบ

อย่างไรก็ตาม ทั้งเพื่อไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ก็เขี้ยวลากดิน พลิกเกมด่วน และยอมเสียหน้า ด้วยการที่กรรมาธิการ จากทั้งสามพรรค ยอมถอยด้วยการ ตัดมาตราที่แก้ไขพ่วงเข้ามาด้วย ออกไปสี่มาตรา

การยอมถอย ดังกล่าว หากดูตามหน้างานเวลานี้ ถือว่า ช่วยปลดชนวน ที่จะนำไปสู่การล้มกระดานบัตรสองใบ ได้เปราะใหญ่ โดยเฉพาะ ทำให้ที่บางฝ่ายวางแผนจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มบัตรสองใบ หมดโอกาส เพราะชนวนเหตุโดนถอดออกไปแล้ว

การถอยดังกล่าว ผลที่ตามมาอย่างเห็นได้ชัดก็คือ ความมั่นใจของส.ส. -สว. ว่าหากร่วมโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระสอง จะไม่โดนเอาผิดยื่นถอดถอน เลยทำให้ มติที่ประชุมร่วมรัฐสภา ที่ลงมติไม่เอาด้วยกับญัตติของส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ต้องการให้รัฐสภาตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวของกรรมาธิการ

ผลออกมา เสียงท่วมท้น 374 เสียง คว่ำญัตติของพรรคก้าวไกลกลางสภาฯ ที่ก็คือการให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภา เดินหน้า พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสอง ต่อไปนั่นเอง

หากดูตามสถานการณ์นี้ หากไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ เกมพลิกไปพลิกมาอีก การพิจารณาร่างแก้ไขรธน.รายมาตราวาระสอง น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี

แต่ที่ต้องลุ้นต่อไป คือ การโหวตวาระสาม ที่จะทิ้งช่วงหลังโหวตวาระสอง จากนี้ไปอีกประมาณ 15 วัน คาดว่าจะโหวตได้ช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนกันยายน

เพราะต้องดูว่า ถึงตอนนั้น เกมจะพลิกอะไรอีกหรือไม่ จนทำให้ บัตรสองใบ โดนคว่ำกระดาน

โดยเฉพาะตัวแปรสำคัญคือ เสียงสว.ที่จะต้องมีไม่น้อยกว่า 84 เสียงโหวตเอาด้วยกับการแก้ไขรธน.ครั้งนี้ เพราะหากเสียงไม่ถึง ร่างแก้ไขรธน.ถูกคว่ำทันที

ต้องจับตาว่าถึงตอนช่วงรัฐสภา ใกล้โหวตวาระสาม จะมีสัญญาณพิเศษอะไรไปถึงสว. ให้ สภาสูง รับเป็นเจ้าภาพ ล้มการแก้ไขรธน. โดยยกเรื่อง บัตรสองใบ จะทำให้เกิดเผด็จการรัฐสภา พรรคใหญ่กินรวบประเทศ มาเป็นข้ออ้างในการล้มบัตรสองใบหรือไม่
หลังมีการเกรงประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ที่ ทักษิณ ชินวัตรและไทยรักไทย เคยชนะเลือกตั้งปี 48 ได้ส.ส. 377 เสียงเพียงพรรคเดียว จากผลใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ เลยมีแนวคิดไม่เอาด้วยกับบัตรสองใบ


กำลังโหลดความคิดเห็น