พระนครศรีอยุธยา - จบสวย ! หนุ่มขี่จักรยานยนต์ หัวร้อน ถีบกระจกรถเก๋ง เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมคุยกันแล้วกับคู่กรณี ต่างคนต่างไหว้ขอโทษ พร้อมให้อภัยกันและกัน หลังจากมีการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์กันจำนวนมาก
จากกรณี โซเชียลแห่แชร์หนุ่มขี่จักรยานยนต์หัวร้อน ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Rut Sarut Kamhom โพสต์ข้อความ คนเราหัวร้อนได้อีก สดๆร้อน พร้อมคลิปวีดีโอ ที่ตนเองถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ พฤติกรรมผู้ใช้รถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับหาเรื่องตลอดทาง พยามยามบอกให้ต่างคนต่างไป แต่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ไม่ยอมหยุดขับปาดหน้าสายไปมา จนชนท้ายพอลงมาบอกให้ไป สน.ก็ไม่ยอมพยามยามหาเรื่องตนจึงขับรถเพื่อจะไป สน. แต่คู่กรณีไม่ยอมขับรถตามใช้เท้าถีบกระจก ก่อนบิดรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
จนโซเชียลแห่แชร์ เป็นจำนวนมาก ถึงพฤติกรรมชายขับรถจักรยานยนต์ที่อยู่ในคลิป ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 22 สิงหาคม 2564 ที่สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน สาขาย่อย สินธิวาธานี ผู้สื่อข่าวเดินทางมาพบกับ นายศรุต คำหอม อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าของคลิปดังกล่าว พร้อมรถยนต์เก๋ง นิสสัน สีดำ หมายเลขทะเบียน 8 กล 1391 กรุงเทพมหานคร ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวมาให้ปากคำเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างละเอียดอีกครั้ง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้( 23 ส.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน สาขา สินธิวาธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว นายศรุต คำหอม อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าของคลิป เข้าพบอีกครั้ง พร้อมกับคู่กรณี นายอิทธิพล ไวยครุฑธา อายุ 24 ปี ชาวตำบลบ่อตาโล่ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเข้าเจรจาพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งจากการพูดคุยต่างคนต่างเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมต่างยกมือไหว้ ขอโทษให้กันและกัน
นายอิทธิพล หนุ่มหัวร้อน กล่าวว่า ผมตั้งใจจะเข้ามาขอโทษแต่ก็ไม่รู้จะติดต่อคู่กรณีอย่างไร จนเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาในวันนี้ ผมต้องขอโทษที่ผมหัวร้อนใส่เขา และทำร้ายทรัพย์สินเขา ซึ่งเหตุการณ์วันนั้น ผมขับมาตรงเพื่อจะไปทำงานโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมโรจนะ พอรถพี่เขาเลี้ยวกลับ รถตัดหน้า ผมก็ขับมาเร็ว ไม่เบรกชะลอช่วงยูเทริน ต่างคนต่างก็ผิดทั้งคู่ ซึ่งเป็นเหตุที่ต่างคนก็ต่างไม่ได้ตั้งใจ คือตอนนั้นผมหัวร้อนมากจริงๆ ก็ต้องขอโทษตรงนี้ด้วยครับ ฝากถึงคนที่ใช้รถใช้ถนนด้วยให้ใจเย็นๆ อย่าเป็นเหมือนตนเอง มีอะไรก็คุยกันดี จะได้ไม่ต้องถึงโรงพัก เสียเวลากันทั้งคู่
ด้านนายศรุต คนขับรถยนต์เก๋ง กล่าวเช่นกันก็ไม่ได้ติดใจอะไร คืดว่าช่วงนั้น เขาก็คงอารมณ์ร้อน แค่อยากให้มาคุยดีๆกันตอนนั้น หัวร้อนใส่กันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ได้พูดคุยกันต่างคนก็เข้าใจกันและกัน ต่างคนก็ต่างขอโทษ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปรียบเทียบปรับ ตามกฎหมายจราจร แล้วแยกย้ายกันกลับ