ประจวบคีรีขันธ์ - แม่ค้ากล้วยทอดป่าละอู น้ำตาร่วง ช้างป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บุกบ้านกลางดึกทำลายข้าวของ กินกล้วยที่เตรียมไว้ขายกว่า 50 กิโลกรัมจนเกลี้ยง สุดท้อขายของเท่าไหร่ก็ไม่เหลือเจอช้างบุกบ้านนับ 10 ครั้งไร้การเยียวยา
พ.ต.ท.สุวิทย์ มณีวงษ์ ผบ.ร้อย กองกำกับการ 1 ตชด.ค่ายนเรศวร พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายบ้านของนางสุภา แตงทอง หรือป้าใหญ่ อายุ 58 ปี อาชีพแม่ค้าขายกล้วยทอดป่าละอู บ้านเลขที่ 155 หมู่ 1 ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับรายงานว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. วานนี้ (21 ก.ค.) มีช้างป่า ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพลายบุญมี บุกเข้ามาพังบ้านรื้อทำลายข้าวของเพื่อหาของกินภายในบ้านพัก ริมถนนในหมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ สร้างความเสียหายทั้งประตูเหล็กม้วนพังกระจัดกระจาย ข้าวของในบ้านพังเสียหาย กล้วยเกือบ 50 กิโลกรัม ที่เตรียมไว้สำหรับขายกล้วยทอดเลี้ยงชีพก็ถูกช้างป่ากิน รวมทั้งมะพร้าว และน้ำมันทอดกล้วยด้วย
นางสุภา แตงทอง หรือป้าใหญ่ เล่าให้ผู้สื่อข่าวท่ามกลางน้ำตาที่ไหลออกมา บอกว่า เมื่อสัญญาณเตือนหน้าบ้านดัง ตนและสามีพยายามจะขับไล่ จุดประทัดยักษ์ไล่ แต่เจ้าพลายบุญมี จอมดื้อก็ไม่ยอมออกไป แม้เพื่อนบ้านมาช่วยกันขับไล่ เจ้าช้างป่าพลายบุญมีก็เดินค้นหาของกินไปทั่วบ้าน จนพอใจกว่าจะยอมออกไป ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาประมาณ 10 ครั้ง จนซ่อมแซมบ้านไม่ไหวแล้วถึงแม้ทาง อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ จะมาซ่อมแซมให้ก็ตาม ประตูเหล็กม้วนหน้าบ้าน 2 บาน ก็พังเสียหาย จนต้องหาไม้มาตีปิดกันไว้ชั่วคราว บางส่วนต้องซ่อมแล้วซ่อมอีก ส่วนการช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐในการเยียวยาแทบไม่มี และไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะเรื่องของความเสียหายต่อทรัพย์สินต่างๆ ไม่เคยได้
นางสุภา กล่าวว่า บ้านของตนโดนช้างป่าบุกเข้ามาทำลายข้าวของหลายครั้งแล้วจนซ่อมแซมแทบไม่ไหว ข้าวของในบ้านช้างป่าค้นออกไปกินจนหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร น้ำมัน น้ำปลา เครื่องปรุง โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้า ที่เตรียมไว้ขายถูกช้างป่ากินจนเกลี้ยง สำหรับคนที่มีอาชีพหาเช้ากินค่ำ ต้องจ่ายเงินซื้อข้าวของมาเตรียมไว้ขาย หลายครั้งถูกช้างป่าเอาไปกินจนหมด ตนไม่เหลืออะไร แทบจะหมดแรง ทำเท่าไหร่ก็ไม่เหลือ รู้สึกหมดหวังจริงๆ ทุกวันนี้แทบจะไม่ได้นอน ต้องคอยระวังช้างป่าบุกเข้ามา บางครั้งไล่ไม่ไป แม้จะจุดประทัดยักษ์ไล่ จนกลัวไฟอาจจะไหม้บ้านเข้าสักวันหนึ่ง วันนี้ของใช้ต่างๆ ข้าวของที่ต้องซื้อหามาทุกวันเพื่อค้าขาย ถามว่าหากไม่เก็บไว้ที่บ้านแล้วจะให้ไปเก็บไว้ที่ไหน เพราะนี่มันบ้านของเรา จึงอยากฝากถึงหน่วยงานให้เข้ามาเยียวยา และจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง พูดกันมานานแล้วว่าจะย้ายพลายบุญมี
ด้าน พ.ต.ท.สุวิทย์ มณีวงษ์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ กองกำกับการ 1 ตชด.ค่ายนเรศวร กล่าวว่า บ้านของนางสุภา ซึ่งสภาพเป็นห้องแถวชั้นเดียว ถูกช้างป่าบุกเข้ามาทำลายข้าวของหลายครั้งแล้วจากข้อมูลที่เก็บเอาไว้ คาดว่าช้างป่าน่าจะจำได้ หรือได้กลิ่นกล้วย และต้องยอมรับว่ายังไม่ได้รับการเยียวยาที่เหมาะสม สำหรับบ้านที่พังเสียหาย ได้ประสานตำรวจพลร่มชุดพัฒนาการ 712 และทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก เข้ามาช่วยซ่อมแซมเก็บกวาดข้าวของให้นางสุภา โดยเร็วที่สุด
ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าพลายบุญมี และพลายบุญช่วย ที่มีพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนเข้าไปทำลายข้าวของ พืชผลการเกษตรของชาวบ้านอยู่เป็นประจำ จนชาวบ้านอยากให้เคลื่อนย้ายออกไป ในเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก เพราะช้างทั้ง 2 ตัวมีความเฉลียวฉลาด ช่วงที่มีสัตวแพทย์กรมอุทยานฯ และเจ้าหน้าที่ลงมาติดตามพฤติกรรม วางแนวทางเคลื่อนย้ายในพื้นที่ ช้างทั้ง 2 ตัวก็ไม่ออกมา อยากให้ชุดลาดตระเวนผลักดันช้าง ขยายเวลาออกไปจนถึงห้าทุ่ม หรือเที่ยงคืน ลำพังแค่ช่วงหัวค่ำคงไม่พอ เพราะระยะนี้ช้างป่าจะออกมาช่วงกลางดึก
ด้านคณะกรรมการแก้ไขปัญหาช้างป่าอำเภอหัวหิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาช้างป่าทั้ง 2 ตัวที่เดินบนถนนและเข้าหมู่บ้าน เป็นปัญหาที่เรื้อรังมาหลายปี เวลาเกิดเหตุมักจะมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานลงมาดูถ่ายรูปไปกัน มีการซ่อมแซมส่วนใหญ่เป็นเรื่องของตัวบ้านอาคาร ผนังต่างๆ แต่ในเรื่องของการเยียวยาทรัพย์สินที่เสียหายแทบจะไม่ได้รับ ต้องไปดูกฎระเบียบพอเรื่องเงียบทุกอย่างไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งๆที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมการช้างป่า ว่าจะเคลื่อนย้ายช้างออกไปอยู่ที่ห้วยคมกริช เพชรบุรี พูดคุยกันมา 2 -3 ปีแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช้างป่าบุกพังบ้าน พังต้นทุเรียน อยู่ๆ ก็วิ่งพุ่งเข้าใส่รถยนต์กระบะเสียหายอย่าวงหนัก อยากฝากไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรุณามารับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างเป็นรูปธรรม หรือจะปล่อยให้เกิดขึ้นรายวันอย่างนี้ต่อไป
ล่าสุด ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าหุบเต่า อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ออกลาดตระเวนบนเส้นทางช่วงด่านไทรเอน-ด่านพุไทร พบช้างป่าพลายบุญช่วย กำลังเดินมุ่งหน้าเข้าหมู่บ้านป่าละอู เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธี ส่องไฟ ตะโกนบ้าง และจุดลูกโป้งกว่า 10 นัดสกัดไล่ให้กลับเข้าป่า รวมทั้งเข้าแจ้งเตือนชาวบ้านที่ถูกช้างป่าพลายบุญมี พังบ้านเมื่อคืนวานที่ผ่านมาให้รับทราบ และเฝ้าระวัง เนื่องจากหวั่นว่าช้างทั้ง 2 ตัว หากหลุดเข้ามาในหมู่บ้านจะเข้าไปทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านได้
ซึ่งตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 21 ก.ค. ต่อเนื่องถึงกลางดึกของวันนี้ 22 ก.ค. เจ้าหน้าที่สายตรวจหน่วยพิทักษ์ป่าหุบเต่า อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ต้องออกลาดตระเวนบริเวณเส้นทางด่านไทรเอน-ด่านพุไทร เส้นทางที่จะเข้าหมู่บ้านป่าละอู เพื่อป้องกันช้างป่าทั้งบุญช่วย และบุญมีไม่ให้เข้าหมู่บ้านไปได้ โดยระหว่างนั้นพบช้างป่าพลายบุญช่วย ออกจากป่าเดินบนถนน เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันขับไล่ทั้งใช้วิธีตะโกน ฉายสปอตไลต์ และต้องจุดลูกโป้งกว่า 20 นัด เพื่อไล่ให้พลายบุญช่วยกลับเข้าป่า
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้รับสัญญาณภาพจากกล้องดักถ่ายอัตโนมัติบริเวณด้านชายป่าทางเข้าหมู่บ้านป่าละอูอีกด้านว่า ช้างป่าพลายบุญมี กำลังมุ่งหน้าเข้าหมู่บ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องแบ่งกำลังไปสกัดอีกจุด และไปแจ้ง นางสุภา แตงทอง เจ้าของบ้านที่ถูกพลายบุญมีบุกพังและทำลายข้าวของจนเสียหายให้ได้รับทราบ เพื่อให้ช่วยกันเฝ้าระวังช้างป่าเนื่องจากบ้านของนางสุภา ยังไม่ได้รับการซ่อมแซมและหวั่นว่าช้างป่าพลายบุญมีจะเข้ามาอีก
รวมทั้งเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันนั่งเฝ้าระวังอยู่ที่หน้าบ้าน แต่กระทั่งดึกไม่พบว่า พลายบุญมี จะเข้ามา ในขณะที่เจ้าหน้าที่อีกส่วนต้องสกัด พลายบุญช่วย เอาไว้อีกจุดจนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 6 ชั่วโมงเมื่อไม่พบช้างทั้ง 2 ตัวแล้วจึงแยกย้ายกันเดินทางกลับ
โดยในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.) ทาง อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และตำรวจพลร่มค่ายนเรศวร ชุดพัฒนาการเคลื่อนที่ 712 ป่าละอู จะช่วยกันซ่อมแซมบ้านของนางสุภา โดยมีการเตรียมวัสดุก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1 วันในการซ่อมแซมบ้านหลังดังกล่าว