xs
xsm
sm
md
lg

ส่อดองยาว! ผลสอบวินัยร้ายแรงบิ๊กข้าราชการประจวบฯ ปล่อยลูกจ้างสาวโกงงบหลวง 40 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประจวบคีรีขันธ์ - มหาดไทยส่อดองยาว! ผลสอบวินัยร้ายแรงบิ๊กข้าราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบฯ ปล่อยลูกจ้างสาวโกงงบหลวง 40 ล้านบาท คดียังนิ่งสนิท

จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 29 ปี อดีตพนักงานราชการ สำนักงาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ บุตรสาวอดีตกำนัน ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบฯ ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.63 หลังจากนำเงินงบประมาณของราชการเกือบ 40 ล้านบาท โอนผ่านระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS เข้าบัญชีส่วนตัว พบการกระทำความผิด 165 ครั้ง อ้างว่านำเงินจากการทุจริตไปเล่นพนันออนไลน์

ต่อมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม มีคำสั่งปล่อยตัว น.ส.ขนิษฐา หอยทอง พ้นการคุมขังจากเรือนจำกลาง จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 13 ก.ย.63 หลังครบกำหนดฝากขัง 7 ผลัด รวม 84 วัน ทำให้ น.ส.ขนิษฐา ได้รับการปล่อยตัว แต่ต่อมาถูกออกหมายจับในคดีอื่น แต่ญาติไม่มีหลักทรัพย์ประกันตัวทำให้ถูกคุมขังที่เรือนจำกลางกรุงเทพ

ล่าสุด นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงนามในหนังสือศูนย์ดำรงธรรม ลงวันที่ 24 มิ.ย.64 ขี้แจงความคืบหน้าให้สื่อมวลชนทราบ จากการสอบถามเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 64 กรณีความคืบหน้าการสอบสวนทางวินัยของกระทรวงมหาดไทยกับข้าราชการระดับสูงในสำนักงานจังหวัดหลายราย โดยระบุว่า 1.การสอบสวนข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้องในสำนักงานจังหวัดอยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย จังหวัดไม่สามารถแจ้งความคืบหน้าให้ทราบได้

2.ประเด็นระยะเวลาการสอบสวนทางวินัย กำหนดให้คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย สอบสวนและจัดทำรายงานเสนอต่อปลัดกระทรวงมหาดไทยให้เสร็จภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันที่มีการประชุมครั้งแรก หากกรรมการไม่สามารถทำให้เสร็จภายใน 120 วัน และมีเหตุผลความจำเป็น ประธานกรรมการฯ สามารถรายงานต่อปลัดกระทรวง ขยายเวลาครั้งละไม่เกิน 60 วัน

3.การเร่งรัดดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเป็นดุลพินิจของปลัดกระทรวง กรณีที่มีการขยายเวลาเกิน 180 วัน นับแต่วันประชุมครั้งแรก ปลัดกระทรวงต้องรายงาน อ.ก.พ.กระทรวง เพื่อติดตามให้แล้วเสร็จโดยเร็วและไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจจังหวัดเร่งรัดคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย

มีรายงานว่า คดีดังกล่าวสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 ยังไม่มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 น.ส.ขนิษฐา หอยทอง จำเลยที่ 2 น.ส.สายพิณ ดิบดีคุ้ม อายุ 61 ปี มารดา น.ส.ขนิษฐา และจำเลยที่ 3 นางประชิต วงศ์ประภารัตน์ หัวหน้างานการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

หลังจากมีการเลื่อนนัดวันฟังคำสั่งฟ้องแล้ว 4 ครั้ง ขณะที่พนักงานอัยการขอให้พนักงานสอบสวนติดตามรายงานผลสอบสวนทางวินัยร้ายแรงกับข้าราชการระดับสูงในสำนักงานจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดยกระทรวงมหาดไทย ไม่ยืนยันว่าผลสอบสวนจะเสร็จสิ้นเมื่อใด

จ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การสอบสวนทางวินัยไม่มีปัญหาความซับซ้อนในทางปฏิบัติ หลังทราบว่ามีการทุจริตเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.63 จังหวัดมีคำสั่งแต่งตั้งให้ นายกิตติพงษ์ สุขภาคกุล ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงใช้เวลาสอบสวนไม่นาน สรุปรายงานผลการสอบสวนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อเดือน ก.ค.63

จากนั้นได้แจ้งให้กระทรวงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ตามเอกสารหลักฐานที่ปรากฏ หลังพบการทุจริตตั้งแต่เดือน เม.ย.62 ถึงเดือน มิ.ย.63 ซึ่งมีการตั้งข้อเกตว่าปัจจุบัน หัวหน้างานการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังรับผิดชอบงานการเงินตามปกติ ขณะที่ปัญหาการทุจริตของข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ในระบบราชการบริหารส่วนภูมิภาค จะมีเจ้าหน้าที่กระทรวงเดียวกันสอบสวนกันเอง สรุปเองทุกครั้ง และมักจะสอบสวนล่าช้าผิดปกติ ต่างจากการทุจริตของข้าราชการในกระทรวงอื่น

สำหรับรายงานการสอบสวนระดับจังหวัด ระบุว่า การทุจริตของลูกจ้างเป็นความบกพร่องของผู้เกี่ยวข้อง ทั้งหัวหน้างานการเงิน และหัวหน้าสำนักงานจังหวัด หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจในการเบิกจ่าย โดยหัวหน้างานการเงิน และหัวหน้าสำนักงานถือว่าอาจเข้าข่ายประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการปฏิบัติหน้าที่ หลังจากมอบรหัสผ่านในการเบิกจ่ายงบประมาณให้ลูกจ้างเข้าถึงระบบ เพื่อทำการทุจริตต่อเนื่องนาน 14 เดือน

เนื่องจากผู้บังคับบัญชามีความไว้วางใจลูกจ้าง ไม่ตรวจสอบระบบการเบิกจ่าย โดยเชื่อถือในเอกสารการเงินที่ผู้ต้องหาเสนอรายงานเท็จต่างจากงบในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หากผลสอบทางวินัยมีความผิด จากนั้นจะสอบทางละเมิดหากพบว่ามีความบกพร่อง กรมบัญชีกลางได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการชดใช้ความเสียหายตามสัดส่วน เพื่อคืนเงินให้ทางราชการ








กำลังโหลดความคิดเห็น