ประจวบคีรีขันธ์ - 8 แรงงงานพม่าลักลอบข้ามชายแดนเดินเข้าไทย ยอมโดนจับกลางหมู่บ้าน เพราะอ่อนเพลียเสบียงอาหารหมด หยุดพักศาลากลางหมู่บ้าน สารภาพจ่ายนายหน้า 15,000 บาท หวังไปทำงานที่สมุทรสาคร
นางลั่นทม งุ่ยไก่ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 บ้าน กม.12 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับ นายคณพศ สายสกล ผู้ใหญ่บ้านบ้านเนินแก้ว หมู่ 5 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ ชรบ. เจ้าหน้าที่ อส.ร่วมกันจับกุมบุคคลต่างด้าวชาวพม่า 8 ราย เป็นชาย 6 คน หญิง 2 คน บริเวณศาลาเขาดิน หมู่ 9 บ้าน กม.12 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบฯ วานนี้ (23 พ.ค.) หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าพบเห็นมีชาวพม่าเดินทางเข้ามาหยุดพักที่บริเวณศาลากลางหมู่บ้าน ใกล้กับช่องทางธรรมชาติช่องเขาดิน ห่างจากแนวเทือกเขาตะนาวศรีชายแดนไทย-พม่าประมาณ 1 กิโลเมตร สำหรับจุดดังกล่าวห่างจากชายแดนด่านสิงขรด้านทิศเหนือ ประมาณ 11 กิโลเมตร
จากการสอบถามทั้งหมดหลบหนีเข้าเมืองเดินทางมาจากเมืองเมาะละใย 7 คน ย่างกุ้ง 1 คน ก่อนหน้านี้ พักอาศัยที่หมู่บ้านมูด่อง ฝั่งพม่า ตรงข้ามชายแดนไทย โดยมีนายหน้าพาทั้งหมดลักลอบข้ามชายแดนตามช่องทางธรรมชาติมายังฝั่งไทยโดยไม่มีหน่วยงานใดเข้าทำการตรวจสอบจับกุม ก่อนเดินทางไปหาทำงานที่ จ.สมุทรสาคร หากถึงโรงงานปลายทางแรงงานพม่าจะเสียค่าใช้จ่ายให้นายหน้ารายละ 15,000 บาท
โดยโอนตรงเข้าบัญชีผ่านธนาคารในพม่า และหลังจากเดินผ่านช่องทางธรรมชาติ นายหน้าได้โทรศัพท์แจ้งให้เดินไปพบที่จุดนัดหมาย แต่อาหารและน้ำหมดระหว่างเดินทาง ประกอบกับอากาศร้อนจัด ทั้งหมดจึงนั่งพักที่ศาลายอมให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากนั้นนำส่งศูนย์กักกันที่กองร้อย ตชด.ที่ 146 ด่านสิงขร เพื่อกักตัว 14 วัน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวน้อย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงายว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ชุด ชรบ. จุดตรวจเขาดินได้ควบคุมตัวนายจอนาอู อายุ 36 ปี ชาวพม่าหลบหนีเข้าเมือง พร้อมกระเป๋าสัมภาระ พบว่าอยู่ในสภาพอิดโรย สอบถามนายจอนาอู อ้างว่า เป็นสมาชิกเครือข่ายค้าแรงงานข้ามชาติ เดินทางมาจากเมืองย่างกุ้ง ได้เดินเท้าพร้อมกับเพื่อนชาวพม่า 20 คน จากบ้านมูด่อง ประเทศพม่า ผ่านช่องทางธรรมชาติที่ช่องตะแบกพื้นที่หมู่ 9 ต.อ่าวน้อย เพื่อไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร โดยจ่ายค่านายหน้าให้นายทุนชาวพม่าคนละ 10,000 บาท แต่ขณะเดินไปจุดนัดหมายได้พลัดหลงกับเพื่อน ซึ่งรอรถนายทุนมารับในฝั่งไทยนาน 3 วัน ทำให้เสบียงอาหารและน้ำไม่พอต่อการยังชีพ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ประจำด่านได้รายงานให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานรับทราบ แต่ต่อมาคาดว่าชาวพม่าทั้งหมดเดินทางออกพื้นที่ไปถึงจังหวัดปลายทางได้ทั้งหมด โดยไม่มีหน่วยงานใดพบเห็น แม้ว่าจะมีการตั้งด่านสกัดบนถนนสายรองภายในหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อสังเกตรถต้องสงสัย พร้อมตรวจสอบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกราย เนื่องจากเคยมีเบาะแสชาวพม่าลักลอบขนแรงงานเถื่อนในลักษณะกองทัพมด รวมทั้งการตรวจสอบรถยนต์ของทางราชการ และรถยนต์ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานที่ใช้เส้นทางผ่านด่าน