ประจวบคีรีขันธ์ - 30 แรงงานพม่าทะลักชายแดนประจวบฯ ตามใบสั่งนายทุนมหาชัย ฝ่ายปกครอง-ทหารจับได้แล้วทำประวัติ ผลักดันกลับออกไปช่องทางเดิม หวั่นเจอเชื้อโควิด-19
วันนี้ (5 พ.ค.) นายคณพศ สายสกล ผู้ใหญ่บ้าน บ้านเนินแก้ว หมู่ 5 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ นำผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ ชรบ. เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองประจวบ (อส.) ฝ่ายปกครอง ร่วมกับกำลังทหารจากหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ จับกุมบุคคลต่างด้าวชาวพม่าลักลอบหลบหนีเข้าเมือง พร้อมคนนำพา 3 ราย แต่หลบหนี 1 ราย เหลือผู้ต้องหา 30 ราย อายุระหว่าง 14-30 ปี เป็นชาย 17 คน หญิง 13 คน บริเวณสวนปาล์มน้ำมันของชาวบ้าน หมู่ 5 ใกล้ช่องทางธรรมชาติช่องหุบตาวัน ห่างจากป่าแนวเทือกเขาตะนาวศรีชายแดนไทย-พม่าประมาณ 1 กิโลเมตร
จากการสอบสวนคนนำพาข้ามแดน สารภาพว่า พักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านมูด่อง ประเทศพม่า ตรงข้ามจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร รับจ้างนำทางพาชาวพม่าทั้งหมดข้ามชายแดนตามช่องทางธรรมชาติมาส่งยังฝั่งไทยให้นายหน้าที่จะนำรถมารอรับไปส่งที่ จ.สมุทรสาคร และกรุงเทพฯ ได้ค่าจ้างหัวละ 4,000 บาท ขณะที่มีแรงงานเถื่อนรอคิวเดินข้ามชายแดนอยู่ที่หอนาฬิกาบ้านมูด่อง และในป่าบริเวณสันแดนอีกหลายร้อยคน
ทั้งนี้ แรงงานชาวพม่าสารภาพว่า เดินทางมาจากเมืองเมาะลำใย จ่ายค่าหัว 15000 บาท เมื่อไปถึงปลายทางที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อไปหาทำงานรับจ้างเป็นแรงงานประมง และหางานทำใน กทม. โดยนายจ้างที่ จ.สมุทรสาคร จะโอนเงินจ่ายค่านำพาให้นายหน้าเมื่อแรงงานทั้งหมดไปถึงจุดหมายตามใบสั่ง จากนั้นนายจ้างจะหักค่านำพาจากค่าแรงที่รับจ้างรายวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากแรงงานทั้งหมดทำประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ได้นำแรงงานต่างด้าวทั้งหมดนำไปผลักดันส่งกลับที่ช่องทางธรรมชาติ ใกล้ด่านสิงขร หมู่ 6 ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบฯ เพื่อให้เดินเท้ากลับบ้านมูด่อง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทางการพม่า ปฏิเสธการรับตัวบุคคลต่างด้าวทั้วงหมดกลับประเทศผ่านช่องทางปกติ
ขณะที่หลายหน่วยงานให้ข้อมูลตรงกันโดยอ้างว่าปฏิบัติตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หากจับบุคคลต่างด้าวชาวพม่าได้ภายในรัศมี 3 กิโลเมตรจากแนวชายแดน ให้ดำเนินการผลักดันส่งกลับไปยังประเทศต้นทางทันที เพื่อป้องกันโควิด-19
มีรายงานว่า เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน 2564 เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง จับกุมแรงงานต่างด้าวชาวพม่าที่แอบลักลอบข้ามแดนเพื่อไปขายแรงงานได้จำนวน 22 คน ชาย 10 คน หญิง 12 คน บริเวณช่องทางธรรมชาติ อ่างเก็บน้ำหินกอง ต.คลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยดำเนินการผลักดันข้ามแดนกลับไปยังประเทศพม่าเช่นกัน
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนด้านการค้าแรงงานข้ามชาติได้เก็บข้อมูลเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิดหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดที่เกี่ยวข้องที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากปัจจุบันแรงงานเถื่อนจำนวนมากตามใบสั่งของนายทุนยังพักอาศัยบริเวณช่องทางธรรมชาติโดยมีนายทุนค้าแรงงานเถื่อนทั้งฝ่ายไทยและพม่าดูแลอย่างดี และมีการต่อรองผลประโยชน์เพื่อลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง