xs
xsm
sm
md
lg

เชียงใหม่ค่ามลพิษอากาศเกาะอันดับโลกไม่แผ่ว ฝุ่นควันหนาทึบคลุมเมือง-พบ “อมก๋อย” จุดความร้อนหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ยังน่าห่วง! เชียงใหม่เผชิญฝุ่นควันคลุมหนาทึบต่อเนื่อง ค่ามลพิษอากาศเกาะกลุ่มนำอันดับโลกไม่แผ่ว พบต้นตอหลักมาจากการเผาและควันข้ามแดน ขณะที่ดาวเทียมตรวจเจอจุดความร้อน 295 จุด โดยเฉพาะ “อมก๋อย” น่าห่วง ระดม จนท.เร่งดับไฟเผาป่า


วันนี้ (10 มี.ค. 64) สถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันจากการเผาและคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงอยู่ในระดับที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยสภาพตัวเมืองเชียงใหม่ยังถูกปกคลุมหนาทึบด้วยฝุ่นควันติดต่อกันนานนับสัปดาห์แล้ว จนไม่สามารถมองเห็นยอดดอยสุเทพจากในตัวเมืองได้อย่างชัดเจนเหมือนช่วงปกติ ขณะที่ควันขาวขุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศยังมีกลิ่นไหม้ที่รับรู้ได้อย่างชัดเจนด้วย ทั้งนี้รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษจากสถานตรวจวัดในพื้นที่ตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ และตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าค่าฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง เมื่อเวลา 09.00 น.อยู่ที่ 102 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, 99 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ 86 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 212, 209 และ 190 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100 ซึ่งอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ พร้อมทั้งมีการแจ้งเตือนประชาชนให้งดออกทำกิจกรรมนอกอาคารและสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง โดยกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยเรื้อรังโรคทางเดินหายใจต้องดูแลเป็นพิเศษ


ขณะที่ข้อมูลคุณภาพอากาศเว็บไซต์ https://www.iqair.com ที่รายงานคุณภาพอากาศจากเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลก รายงานผลการตรวจคุณภาพอากาศเมื่อเวลา 10.00 น. พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีค่ามลพิษอากาศสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีค่าดัชนีคุณภาพอากาศ 184 US AQI และค่า PM 2.5 อยู่ที่ 118.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนอันดับ 1 เมือง Lahore ประเทศปากีสถาน ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ 420 US AQI และอันดับ 2 เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ 295 US AQI โดยปัจจัยที่ทำให้เชียงใหม่มีฝุ่นควันสะสมมากนั้นมาจากหลายสาเหตุ ทั้งจากการเผา และควันข้ามแดน เนื่องจากกระแสลมได้พัดพากลุ่มควันจากทางด้านทิศตะวันตกเข้ามาสะสมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และมีกระแสลมพัดเข้ามาเสริมในพื้นที่ตะวันออกด้วย


ขณะเดียวกัน วันนี้ดาวเทียมเวียร์ตรวจพบจุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 1,477 จุด ซึ่งพบมากที่สุดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมากถึง 510 จุด รองลงมาคือจังหวัดตาก 311 จุด ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีจุดความร้อนมากเป็นลำดับที่ 3 มีจำนวน 295 จุด เกือบทั้งหมดเกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ โดย 163 จุดเป็นพื้นที่ที่ลุกลามจากเมื่อวานนี้ที่ยังไม่สามารถดับไฟได้หมดเพราะเป็นพื้นที่ป่าที่อยู่บนภูเขาสูง สำหรับอำเภอที่พบจุดความร้อนมากที่สุดในวันนี้คืออำเภอเชียงดาว 68 จุด รองลงมาคืออำเภอพร้าว 40 จุด และอำเภออมก๋อย 32 จุด


โดยเฉพาะที่อำเภออมก๋อยนั้น รายงานระบุว่าเป็นพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะทั้ง 32 จุดที่เกิดไฟป่า เป็นการลุกลามมาจากพื้นที่เดิมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่สูง ลาดชัน และเป็นหน้าผา หน่วยดับไฟภาคพื้นดินต้องใช้วิธีการเดินเท้าเข้าดับไฟ ทำให้มีความล่าช้า และกว่าจะถึงจุดเกิดไฟไหม้ก็ลุกลามเป็นบริเวณกว้างยากต่อการควบคุม ส่วนที่อำเภอดอยสะเก็ด ซึ่งมีจุดความร้อนเกิดขึ้น 15 จุดในเช้าวันนี้เป็นจุดเดิมที่ลุกลามจากเมื่อวานนี้ 8 จุด ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการเชื้อเพลิงอีก 3 จุด เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าห้วยฮ่องไคร้-ขุนแม่กวง ระดมกำลังเข้าดับไฟป่าที่ลุกไหม้ ทั้งในตำบลเชิงดอย ตำบลป่าเมี่ยง และตำบลลวงเหนืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่บริเวณห้วยเกี๋ยงคา ตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชัน ต้องใช้เวลาในการเดินทาง 2 วัน 1 คืน และต้องพักแรมในป่ากว่าจะถึงจุดหมาย จึงเร่งดับไฟและสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างถี่ถ้วนเพื่อไม่ให้เหลือเชื้อไฟที่สามารถปะทุขึ้นอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น