ฉะเชิงเทรา - ผู้ปกครองโวย! ลูกชายวัย 9 ขวบ ถูกครูประจำชั้นโรงเรียนประจำอำเภอใน จ.ฉะเชิงเทรา สั่งสก็อตจัมป์ติดต่อกัน 150 ครั้ง จนเดินไม่ได้กว่าสัปดาห์ซ้ำวันนี้ยังต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ไร้การเหลียวแลจากฝ่ายบริหาร
วันนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.พรรณราย ประชาศิริ อายุ 31 ปี ชาว อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ลูกชายวัย 9 ขวบ ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ป.3 ของโรงเรียนระดับประถมศึกษาประจำอำเภอ ได้ถูกครูประจำชั้นซึ่งเป็นครูพละสั่งลงโทษให้สก็อตจัมป์ต่อเนื่องถึง 150 ครั้ง จนเกิดอาการขาเดี้ยง เส้นยึด และเดินไม่ได้มานานเกือบ 10 วัน
โดย น.ส.พรรณราย บอกว่า สาเหตุที่ลูกชายถูกลงโทษเพราะไอและจามใส่หน้าเพื่อนโดยไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากสายคล้องหน้ากากนามัยขาด ซึ่งในครั้งแรกได้ถูกสั่งลงโทษด้วยการสก็อตจัมป์ จำนวน 50 ครั้ง ก่อนจะให้ไปล้างห้องน้ำของโรงเรียน
“หลังทำงานเสร็จลูกชายบอกว่าได้กลับมาหยอกล้อแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เพื่อนจึงถูกสั่งลงโทษให้สก็อตจัมป์ หรือการกระโดดลุกนั่งอีก 100 ครั้ง จนเกิดอาการขาชาแต่ยังสามารถเดินทางกลับมาบ้านได้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา กระทั่งรุ่งเช้าวันที่ 17 ก.พ.ลูกได้มีอาการขาตึง และชาที่ขาแต่ยังสามารถเดินทางไปโรงเรียนได้”
แต่เมื่อถึงรุ่งเช้าวันที่ 18 ก.พ.ลูกชายซึ่งอาศัยอยู่กับตาและยาย ไม่สามารถลุกออกจากที่นอนได้ ตนเองและสามีซึ่งทำงานอยู่ในพื้นที่ต่างอำเภอต้องเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลบ้านโพธิ์ เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจอาการและสั่งยาให้นำกลับมารับประทานที่บ้าน
น.ส.พรรณราย ยังเผยอีกว่า หลังเกิดเหตุผู้เป็นยายได้แจ้งไปยังผู้บริหารของโรงเรียนแต่ได้รับเพียงการนิ่งเฉย กระทั่งวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา อาการของลูกชายไม่ดีขึ้นจนต้องพากลับมาพบแพทย์อีกครั้ง ซึ่งแพทย์ได้สั่งให้นอนพักรักษาที่โรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการ เนื่องจากไม่สามารถยืดขาได้ตามปกติ
และแพทย์ยังได้ทำการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด พร้อมเจาะเลือดไปตรวจหาอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของไต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของลูกเป็นอย่างมากเพราะไม่สามารถไปโรงเรียนได้ อีกทั้งคนในครอบครัวก็ต้องหยุดงานผลัดกันมาคอยเฝ้าดูอาการ และที่ผ่านมาทางโรงเรียนไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ มีเพียงครูประจำชั้นที่นำสิ่งของเข้าเยี่ยมไข้และกล่าวขอโทษ”
อย่างไรก็ดี แม้ขณะนี้ครูประจำชั้นรายดังกล่าวจะยอมรับว่าสั่งลงโทษเกินกว่าเหตุจริงและรับปากว่าจะเดินทางมาสอนเพิ่มเติมให้แก่ลูกชายที่โรงพยาบาลเนื่องจากขณะนี้อาการยังไม่ดีขึ้น แ่ต่ทางครอบครัวต้องการให้ผู้บริหารโรงเรียนดูแลนักเรียนให้มากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการออกคำสั่งลงโทษที่รุนแรงเกินไปของครูที่อาจกระทบต่อร่างกายและจิตใจของเด็กนักเรียน
