xs
xsm
sm
md
lg

กรมอุทยานฯ แจ้งความอดีตข้าราชการระดับสูง ม.157 กว่า 20 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) กรมอุทยานฯ นำเจ้าหน้าที่เขตสลักพระ ขึ้นโรงพักแจ้งความอดีตข้าราชการระดับสูง ม.157 พร้อมภาคเอกชนที่เคยถือครองจากการซื้อขายกราวรูดกว่า 20 ราย หลังพบที่ดินกว่า 99 ไร่ ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เหตุทับเขตรักษาพันธุุ์สัตว์ป่าสลักพระ และเขตป่าไม้ถาวร พบข้าราชการบางรายตายไปแล้วก็มี

วันนี้ (23 ก.พ.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมด้วยนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นายสุทธิชัย โผภูเขียว ผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สลักพระ พร้อมเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ กว่า 10 นาย เดินทางไปตรวจสอบที่ดินที่มีการครอบครองเป็นเอกสารหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2825 ที่ออกในปี พ.ศ.2536 รวมเนื้อที่ 99 ไร่ 63 ตาราวา

สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านท่ามะนาว หมู่ 2 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ส่วนสาเหตุการเข้าตรวจสอบในครั้งเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนว่าที่ดินแปลงดังกล่าวออกเอกสารให้โดยมิชอบ เมื่อไปถึงพบที่ดินแปลงดังกล่าวโล่งเตียน มีรั้วลวดหนามขึงล้อมรอบพื้นที่แสดงบริเวณให้เห็นอย่างชัดเจน กลางแปลงที่ดินมีบ้านพักหลังขนาดใหญ่ สำหรับพื้นที่โดยรวมใช้ปลูกทุเรียน ลองกอง และอินทผลัมเกือบเต็มพื้นที่


โดยเจ้าหน้าที่ได้เรียก น.ส.ศิริวรรณ โดดสังข์ ชาวตำบลบางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ผู้ดูแลออกมาพบ พร้อมกับแจ้งความประสงค์ให้ทราบ และให้นำพาตรวจสอบขอบเขตของแปลงที่ดินตามเอกสาร น.ส.3 ก. อย่างละเอียด ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ให้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีต่อกลุ่มนายทุนที่มีการออกเอกสารสิทธิการครอบครองที่ดินภายในเขตป่าโดยมิชอบด้วยกฎหมายขอย่างเข้มข้น ตามนโยบายยกกำลัง 2+4 โดยที่ดินเอกสาร น.ส.3 ก. ได้เปลี่ยนมาจากหนังสือรับรองการประโยชน์ (น.ส.3) สารบบเล่ม 48 หน้า 81 ซึ่งออกในปี พ.ศ.2521 ตามมาตรา 59 ทวิ ประมวลกฎหมายที่ดิน แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฎิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 ก.พ.2515 ซึ่งเป็นการออกโฉนด หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะรายในที่ดินซึ่งบุคคลครอบครองและทำประโยชน์ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ (1ธ.ค.2497) โดยไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน และไม่ได้แจ้งการครอบครองที่ดินตามมาตรา 5 ประมวลกฎหมายที่ดิน


นายนิพนธ์ เผยอีกว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยใช้เครื่องวัดพิกัดดาวเทียม GPS ตรวจสอบจุดรอบแปลงได้ จำนวน 35 จุด แล้วนำพิกัดที่วัดได้ไปตรวจสอบ ปรากฏว่าเอกสาร น.ส.3 ก.อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ที่ประกาศให้เป็นเขตรักษาพันธุ์ฯ เมื่อปี พ.ศ.2508 อีกทั้งยังออกทับเขตป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรี ปี พ.ศ.2516 อีกด้วย โดยเมื่อนำไปตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง เมื่อปี พ.ศ.2495-2499 ผลการอ่านตีแปลผลภาพถ่ายทางอากาศ ปรากฏว่า พื้นที่มีสภาพเป็นป่าผลัดใบเต็มแปลง ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์มาก่อนแต่อย่างใด

จึงเห็นได้ชัดเจนว่าการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) นั้นไม่เข้าหลักเกณฑ์ ตามมาตรา 59 ทวิ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 ก.พ.2515 เพราะไม่ได้มีการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และขัดกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 ออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 ข้อ8 (2) ห้ามออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่เขา ที่ภูเขา ที่สงวนหวงห้าม หรือที่ดินที่ส่วนราชการเห็นว่าควรสงวนไว้เพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติ

อีกทั้งยังขัดกับระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2515ข้อ 7(2) และข้อ9(1) การออกโฉนดหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต้องไม่อยู่ในเขตที่ทางราชการจำแนกไว้เป็นเขตป่าไม้ถาวร จึงเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะต้องถูกศาลสั่งเพิกถอนตามมาตรา 82 วรรคท้าย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน


ดังนั้น ตนจึงมอบหมายให้นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นำเอกสารหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า ดำเนินการส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อชี้มูลความผิดต่อกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ทำการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบด้วยกฎหมาย คือคณะกรรมการสอบสวนสิทธิในที่ดินตามคำสั่งอนุมัติ ผบ.ทบ.ท้ายบันทึกข้อความ กบ.ทบ.ที่ กห.0318/6666 ลงวันที่ 26 ส.ค.2518 และคำสั่งจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 1099/2518

ประกอบไปด้วย 1.พ.อ.โสภน โตทรัพย์ อดีต ผบ.จทบ.รบ. (ส่วนแยก ก.จ.) 2.พ.ต.ชาญ สาตร์จิต อดีต กรมยุทธโยธาทหารบก (ยย.ทบ.) 3.ร.อ.เศก ทองไถ้ผา อดีตเจ้าหน้าที่กรมยุทธโยธา (ยย.จทบ.) 4.นายเฉลิม บุญมานุช อดีตนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ที่เป็นผู้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เมื่อปี พ.ศ.2521 และ 5.นายโสภณ ชุมวรฐายี อดีตเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองกาญจนบุรี

โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวทั้งหมดได้สอบสวนสิทธิในวันที่ 5 พ.ย.2519 และรับรองว่า บริเวณที่จะออกหนังสือรับรองการการทำประโยชน์ (น.ส.3) แปลงดังกล่าวได้มีผู้อยู่อาศัยทำกินมาก่อนพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. 2481 และรับรองว่าที่ดินแปลงนี้อยู่นอกเขตป่าสงวนหวงห้าม อยู่นอกเขตป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเท็จ บุคคลทั้งหมดจึงมีความผิดตามมาตรา ปอ.มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย


สำหรับรายของนายวชิระ อุณจักร อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ พบว่าในระหว่างปี พ.ศ.2520-2529 ได้รับรองว่าที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่นอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งเป็นการรับรองอันเป็นเท็จ จึงมีความผิดตาม ปอ.มาตรา157 แต่นายวชิระ ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว

ส่วนนายวีระ พานิชการ ชาวกรุงเทพฯ ผู้ยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เมื่อ ปี พ.ศ.2519 โดยให้ถ้อยคำว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นของนายสมปอง ได้เข้าทำประโยชน์มาแล้วประมาณ 40 ปี โดยเมื่อปี พ.ศ.2500 นายสมปอง ได้ขายและโอนที่ดินให้แก่ จ.ส.ต.จำเนียร ต่อมา ปี 2516 จ.ส.ต.จำเนียร ได้ขายและโอนให้ตน ถ้อยคำดังกล่าวจึงเป็นการให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จ

ซึ่งขณะนั้นมีนายวินิจ เหมือนจิตติ์ อดีตกำนันตำบลวังด้ง รวมทั้งนายพิมล อุดมสิทธิกุล ชาวจังหวัดกาญจนบุรี และนายสมหวัง เสือจันทร์ ชาวจังหวัดกาญจนบุรี มาเป็นพยาน จึงถือว่าเป็นพยานเท็จ บุคคลทั้งหมดจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตาม ปอ.มาตรา157 ประกอบมาตรา 86

นอกจากนี้ ยังมีข้าราชการระดับสูงในขณะนั้นคือ นายธวัช แผ่ความดี อดีตปลัดจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้อนุมัติให้นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ในปี พ.ศ.2519 โดยการอนุมัติได้พิจารณาจากสำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการข้างต้น จึงขอให้ ป.ป.ช.สอบสวนเพิ่มเติมว่านายธวัช อดีตปลัดจังหวัดกาญจนบุรี มีส่วนเกี่ยวข้องในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยมิชอบนี้หรือไม่อย่างไร


ขณะที่นายฉลาด วงษ์ประเสริฐ อดีตนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ที่เป็นผู้เปลี่ยนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)
มาเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ในปี พ.ศ.2536 ขอให้ ป.ป.ช.สอบสวนเพิ่มเติมว่า นายฉลาด มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยมิชอบดังกล่าวหรือไม่อย่างไรเช่นกัน

นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า นอกจากนี้ การที่เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้าครั้งนี้
ยังได้นำหลักฐานมอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช.ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกลุ่มภาคเอกชนที่เคยซื้อขายที่ดินแปลงเดียวกันเป็นทอดๆ ประกอบด้วย นายชูศักดิ์ ชลประเวส ชาวกรุงเทพฯ นายชาติชาย รุ่งโรจน์ธนกุล ชาวกรุงเทพฯ นางขวัญเมือง กิจหว่าง น.ส ศรุตา สัมพันธ์ นางศิริวรรณ บัวจันทร์ นางสม ชนะเลิศ น.ส.สำนวล เต่าทอง น.ส.ณัฐนันท์ สว่างศิริวงศ์ นายทรงพล เหล็กดี โดยขอให้ ป.ป.ช.สอบสวนว่าบุคคลทั้งหมด มีส่วนร่วมกับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)โดยมิชอบด้วยหรือไม่เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


นายนิพนธ์ เปิดเผยว่า สำหรับโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นเอกสารมหาชนที่รัฐออกให้ ที่ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าออกมาโดยถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าของที่ดินจึงมีสิทธิใช้สอยและทำประโยชน์ในที่ดินได้อย่างเต็มที่ จนกว่าจะมีการร้องเรียนเป็นคดีแล้วจะถูกเพิกถอน

แต่ถึงแม้จะถูกเพิกถอน หากเจ้าของที่ดิน พิสูจน์ได้ว่าได้โฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้มาโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน โดยไม่ได้มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องในการออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าของที่ดินที่ถูกเพิกถอนสามารถฟ้องต่อศาลปกครองเรียกค่าซื้อที่ดิน หรือค่าเสียหายคืนได้จากกรมที่ดิน เทียบเคียงคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.254/2556 และคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.111/2558


กำลังโหลดความคิดเห็น