ลำปาง - หนุ่มลำปางโร่ร้องสื่อ..เจอวิกฤตโควิดจนงานหายไม่พอ โดนตำรวจหลอกซื้อดาวน์รถแล้วจ่ายเพียงงวดเดียวเชิดรถหาย ร้องเรียนผู้บังคับบัญชาหลายแห่งเรื่องกลับเงียบ เผยมีเหยื่อถูกหลอกเหมือนกันอีกหลายราย
วันนี้ (2 ก.พ. 64) นายวสันต์ แปลกปลาด หรือแบงค์ อายุ 30 ปี ชาวบ้าน ต.แม่สุก อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง พร้อมด้วยภรรยาและญาติ ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าวว่าถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องดำเนินคดีฐานไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ทั้งที่ได้ขายดาวน์รถคันดังกล่าวให้แก่ตำรวจนายหนึ่งในราคา 40,000 บาท โดยได้ทำสัญญาซื้อขายกันไว้ แต่ผู้ซื้อได้ชำระค่างวดต่อเพียง 1 งวด จากนั้นก็ไม่ยอมส่งต่อและไม่ยอมคืนรถ จนล่าสุดไม่สามารถติดต่อผู้ซื้อได้แม้จะเข้าร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาหลายแห่งแล้วก็ตาม
แบงค์ได้ให้ข้อมูลว่า ตนเป็นคนลำปาง ไปทำงานรับจ้างส่งของที่บริษัทในกรุงเทพฯ เพื่อความสะดวกจึงได้ซื้อรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ ตอนเดียว ทะเบียน บล 4919 พระนครศรีอยุธยา 1 คัน และนำมาต่อเติมเป็นตู้ทึบเพื่อเก็บสินค้าซึ่งต้องผ่อนค่างวดเดือนละ 11,494 บาท อีก 38 งวด
กระทั่งเกิดวิกฤตโควิดทำให้มีงานน้อยลงจึงผ่อนส่งไม่ไหวก็ได้นำรูปรถประกาศขายดาวน์หน้าเฟซบุ๊กช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2563 ต่อมาได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ตัว คนเดียว” ทักเข้ามาสอบถามรายละเอียด โดยแนะนำตัวเองว่าชื่อหมู่โจ เป็นตำรวจอยู่ กทม. อยากได้รถไปให้ลูกน้องใช้งาน
ต่อมาวันที่ 19 ก.ค. 63 ตำรวจนายดังกล่าวก็ให้ตนนำรถไปให้ดูถึง สน.ซึ่งพบว่าหมู่โจทำงานอยู่จริง จึงเชื่อว่าน่าจะซื้อจริงจึงได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายกัน โดยได้ชำระค่าเงินดาวน์ 40,000 บาท และผู้ซื้อตกลงจะชำระค่างวดต่อไป โดยหมู่โจขอเวลา 1 เดือน เพื่อรวบรวมเอกสารก่อนนัดไปเปลี่ยนชื่อในสัญญาเช่า-ซื้อกับบริษัทไฟแนนซ์
แต่หลังจากผ่านไป 1 เดือน หมู่โจได้ชำระค่างวดให้แก่บริษัทฯ 1 เดือน จากนั้นก็ไม่ยอมชำระอีกเลย จนกระทั่งบริษัทได้โทร.ติดตามทวงถาม ตนพยายามติดต่อหมู่โจทั้งทางไลน์-โทรศัพท์ ในช่วงแรกแม้ติดต่อได้ก็มีการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จนกระทั่งไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
นายวสันต์กล่าวอีกว่า ตนได้ไปติดตามทวงถามถึง สน.แต่ก็ไม่พบตัวในที่ทำงาน ทำหนังสือร้องเรียนผู้บังคับบัญชาก็บอกเพียงว่าจะเรียกตัวมาไกล่เกลี่ย แต่หมู่โจก็ไม่มา ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ไม่รับแจ้งความ พอไปเข้าร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ไปร้องเรียนที่กองกำกับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 1
จากนั้นก็ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมนนทบุรี ผ่านไปประมาณครึ่งเดือนมีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาให้ตนเองก็เข้าไปแจ้งความ ตนก็เดินทางไปที่ สน.ที่หมู่โจ ทำงานอีกรอบ คราวนี้เจ้าหน้าที่รับแจ้งความในข้อหายักยอกทรัพย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บอกว่าก่อนหน้านี้ได้มีเจ้าทุกข์ในลักษณะเดียวกันเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.อื่นด้วยอีกหลายคน
“นับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะเท่าที่ผมไปติดตามความคืบหน้าของคดีปรากฏว่าหมู่โจไม่เข้ามาทำงานเลย จนกระทั่งตนเองถูกบริษัทไฟแนนซ์รถยนต์ฟ้อง”
แบงค์บอกอีกว่า ขณะนี้รู้สึกวิตกกังวลมาก เพราะกลัวว่ารถของตนเองจะถูกขายต่อหรือนำไปจำนำแล้ว แต่ก็อยากฝากถึงหมู่โจว่าขณะนี้ตนขอให้เอารถมาคืนก็พอ เพราะอย่างน้อยก็จะยังขายต่อได้ จะได้นำเงินมาชำระไฟแนนซ์ ไม่อย่างนั้นตนก็จะต้องหาเงินมาผ่อนชำระให้ไฟแนนซ์อีกเดือนละกว่าหมื่นบาท ทั้งที่งานก็น้อย เงินก็ลด ครอบครัวเดือดร้อนมาก
ขณะที่ญาติของแบงค์ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้นำรถมาคืน เป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่กลับมาทำเป็นเหมือนคนร้ายเสียเอง สร้างความเดือดร้อนให้คนทำมาหากินด้วยความบริสุทธิ์ และอยากฝากถึงผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งด้วย ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับส่งเสริมให้ลูกน้องของตัวเองทำผิดต่อไปเรื่อยๆ และอยากฝากถึงผู้ที่เคยถูกตำรวจนายนี้หลอกในลักษณะเดียวกันเข้าแจ้งความเพื่อจะได้ช่วยเหลือกันในการนำคนผิดมาดำเนินคดีโดยเร็วต่อไปเพื่อจะได้ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นๆ อีก
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กของตำรวจนายดังกล่าวพบว่า เพิ่งเปิดเมื่อเดือนมกราคม 2563 และมีเพื่อนอยู่ 242 คน แต่ไม่มีการเปิดสาธารณะ และไม่มีไทม์ไลน์ใดๆ เลยนอกจากรูปเพียง 2 รูปเท่านั้น