xs
xsm
sm
md
lg

"มหาดไทย-คลัง"ร่วมประชุมชี้แจง "เราชนะ" สร้างความเข้าใจให้ประชาชนอย่างทั่วถึง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รมว.มหาดไทยประชุมร่วม รมว.คลัง ชี้แจงรายละเอียด “โครงการเราชนะ” เน้นย้ำ สร้างความรับรู้และเข้าใจที่ถูกต้องให้พี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย

วันที่ 1 ก.พ.64 เวลา 14:00 น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานร่วมการประชุมมอบแนวทางการดำเนินงานและชี้แจงรายละเอียด “โครงการเราชนะ” โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ผู้แทนกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมการประชุม โดยเป็นการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (VCS) และระบบ DOPA Channel ซึ่งมี ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการคลัง นายอำเภอ ผู้บริหารสาขา บมจ.ธนาคารกรุงไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมการประชุม

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทยร่วมกันชี้แจง “โครงการเราชนะ” ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ด้วยการลดภาระค่าครองชีพประชาชน โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 64 และ 26 ม.ค. 64 อนุมัติและรับทราบโครงการเราชนะ มีกลุ่มเป้าหมายประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 31.1 ล้านคน โดยโอนเงินเข้าระบบจำนวน 3,500 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน รวมไม่เกิน 7,000 บาทต่อคนตลอดระยะเวลาโครงการ และจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 พ.ค. 64 ซึ่งการดำเนินโครงการนี้จะช่วยเหลือประชาชน และเป็นการเปิดกว้างให้กับผู้ประกอบการร้านค้าประเภทต่าง ๆ โดยลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์เราชนะ และ คนละครึ่ง ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.64 ที่ผ่านมา


พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า “โครงการเราชนะ” ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในระดับฐานราก ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด (คบจ.) นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บมจ.ธนาคารกรุงไทยสาขาในพื้นที่ และผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร เร่งประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้กับประชาชน ผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการรายย่อย เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ อย่างทั่วถึง ทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ในการยืนยันการประกอบกิจการ ทั้งร้านค้าที่เคยให้มีการยืนยันในโครงการคนละครึ่ง ผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาด้านขนส่งสาธารณะ และผู้ประกอบการประเภทบริการกลุ่มที่ไม่อยู่ในฐานข้อมูลของภาครัฐ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้แก่ธนาคารกรุงไทยฯ ทั่วประเทศ ในการออกหน่วยเคลื่อนที่รับลงทะเบียนผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการรายย่อย

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ กล่าวว่า เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่โปร่งใส เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและศูนย์ดำรงธรรมอำเภอทั่วประเทศ เป็นหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนการดำเนินโครงการเราชนะอีกด้วย


นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ขอให้นายอำเภอประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้โครงการฯ ผ่านทุกกลไกและทุกช่องทางสื่อสาร ทั้งหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านหรือการประชุมในทุกระดับ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบอย่างทั่วถึง พร้อมมอบหมายเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบระดับอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนคณะกรรมการหมู่บ้าน ร่วมกับลูกจ้างเหมาบริการโครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ (Tambon Smart Team) ช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ คำปรึกษา และอำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมโครงการฯ พร้อมสนับสนุนการอำนวยความสะดวกและปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย รวมทั้งบูรณาการทุกภาคส่วนร่วมกันสนับสนุนการดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน นอกจากนี้ ให้ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอทุกแห่ง รับเรื่องร้องเรียนการดำเนินโครงการเราชนะตามนโยบายกระทรวงมหาดไทยด้วย

นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า ขอให้ท้องถิ่นจังหวัดประสานผู้บริหารและบุคลากรในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมสนับสนุนในการให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ คำปรึกษา และอำนวยความสะดวกการเข้าร่วมโครงการฯ ให้กับผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการรายย่อยในท้องถิ่น ที่ไม่มีแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ในการยืนยันตัวตนการเป็นผู้ประกอบการ


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโอทอป จำนวนกว่า 90,000 ราย เข้าร่วมโครงการฯ กรมการพัฒนาชุมชนจะได้ประสานกับกระทรวงการคลังในการแยกประเภทผลิตภัณฑ์โอทอป เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและจับจ่ายใช้สอยได้อย่างสะดวก เป็นการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนของผู้ประกอบการโอทอปให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการประชาสัมพันธ์ “โครงการเราชนะ” และช่วยเหลือประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการรายย่อย ให้สามารถเข้าถึงโครงการฯ ดังกล่าวได้อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ ซึ่งจะทำให้เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่และเป็นการบรรเทาผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19






กำลังโหลดความคิดเห็น