ผู้บริหารมหาดไทย เร่งจังหวัด สนอง “โครงการเราชนะ” ผ่านทุกช่องทาง เน้นช่วยประชาชน/ผู้ประกอบการ/รายย่อย เข้าถึงทั่วถึงทุกพื้นที่ พร้อมเปิด “ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ” รับเรื่องร้องเรียน หวังผู้ประกอบการโอทอป กว่า 90,000 ราย เข้าร่วมโครงการมากขึ้น
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่กระทรวงมหาดไทย ช่วงบ่าย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เป็นประธานร่วมการประชุมมอบแนวทางการดำเนินงานและชี้แจงรายละเอียด “โครงการเราชนะ” ให้กับ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดมหาดไทยและคลัง ในภูมิภาคทั่วประเทศ
รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผู้บริหารสาขา บมจ.ธนาคารกรุงไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล (VCS) และระบบ DOPA Channel
ทั้งนี้ การชี้แจงดังกล่าว พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันชี้แจง “โครงการเราชนะ” ภายหลังมีการลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ .com และ www. คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.64 ที่ผ่านมา
“ทุกหน่วยงาน ต้องเร่งประชาสัมพันธ์โครงการให้กับประชาชน ผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการรายย่อย เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอย่างทั่วถึง ทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงอำนวยความสะดวกให้แก่ธนาคารกรุงไทย ทั่วประเทศ ในการออกหน่วยเคลื่อนที่รับลงทะเบียนผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการรายย่อย” พลเอก อนุพงษ์ กล่าว
ขณะที่ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและศูนย์ดำรงธรรมอำเภอทั่วประเทศ เป็นหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนการดำเนินโครงการ เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่โปร่งใส
เช่นเดียวกับ ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย หลายคน สั่งการให้นายอำเภอประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้โครงการ ผ่านทุกกลไกและทุกช่องทางสื่อสาร ทั้งหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน หรือการประชุมในทุกระดับ โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ (Tambon Smart Team) ช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ คำปรึกษา และอำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมโครงการ
“ร่วมสนับสนุนในการให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ คำปรึกษา และอำนวยความสะดวกการเข้าร่วมโครงการฯ ให้กับผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการรายย่อยในท้องถิ่น ที่ไม่มีแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ในการยืนยันตัวตนการเป็นผู้ประกอบการ"
นอกจากนี้ ผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน เห็นควรให้มีการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโอทอป กว่า 90,000 ราย เข้าร่วมโครงการ ได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย