xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เฒ่าบุรีรัมย์โดนอีก! คุณยายอายุ 89 ปีถูกเรียกคืนเงินเบี้ยคนชราย้อนหลัง 16 ปี กว่า 1.2 แสน วอนช่วยเหลือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นางทิม สังข์สนิท อายุ 89 ปี
บุรีรัมย์ - โผล่อีกราย คุณยายอายุ 89 ปี ชาว อ.นางรอง ถูกเรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุย้อนหลัง 16 ปี เป็นเงิน 121,800 บาท เหตุซ้ำซ้อนเงินบำนาญพิเศษกรณีลูกชายเป็น ตชด.หายสาบสูญขณะถูกกองกำลังกะเหรี่ยงโจมตีฐาน เผยกลัวถูกดำเนินคดียอมทยอยชำระคืนเดือนละ 5,000 วอนช่วยเหลือ ขณะ อบต.แจงระบบข้อมูลเพิ่งโผล่ต้นปี 63 เรียกคืนตามระเบียบ แต่ไม่ได้คิดดอกเบี้ย

วันนี้ (26 ม.ค.) จากกรณีที่ นางบวน โล่ห์สุวรรณ อายุ 89 ปี ชาวตำบลเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังได้รับหนังสือจากเจ้าหน้าที่ อบต.ให้ไปชำระเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืนย้อนหลังเป็นเวลา 10 ปี รวมเป็นเงิน 84,400 บาท พร้อมดอกเบี้ย เนื่องจากตรวจสอบในระบบแล้วพบว่ายายบวนได้รับเงินบำนาญพิเศษกรณีที่เป็นทายาทของ จ.ส.อ.จักราวุทธ โล่ห์สุวรรณ ลูกชาย ซึ่งเป็นทหารเสียชีวิตจากเหตุการณ์คลังแสงระเบิดที่นครราชสีมาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544 แต่ได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุอีกซึ่งเป็นการรับซ้ำซ้อน ทาง อบต.จึงต้องเรียกเงินคืนตามระเบียบ ซึ่งขณะนี้ทางยายและลูกหลานยืนยันว่าจะหาเงินไปชำระคืนแต่ขอผ่อนชำระ 20 เดือนโดยไม่มีดอกเบี้ย แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากทาง อบต.ว่าจะสามารถยืดระยะเวลาได้หรือไม่นั้น


ล่าสุดกลับพบกรณีลักษณะคล้ายกับคุณยายบวนโผล่อีกรายที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบว่าผู้ที่ถูกเรียกเบี้ยผู้สูงอายุคืน คือ นางทิม สังข์สนิท อายุ 89 ปี อยู่ตำบลลำไทรโยง อ.นางรอง ซึ่งจากการสอบถาม นางประมวล สังข์สนิท อายุ 49 ปี ลูกสาวคนเล็ก ให้ข้อมูลว่า นางทิมผู้เป็นแม่มีลูกทั้งหมด 9 คน กระทั่งเมื่อประมาณปี 2535 ร.ต.อ.สนาม สังข์สนิท ลูกชายคนที่ 6 ซึ่งรับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ อ.อุ้มผาง จ.ตาก ทางต้นสังกัดได้แจ้งครอบครัวว่าได้เกิดเหตุการณ์กองกำลังกะเหรี่ยงบุกโจมตีฐานมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตหลายนาย แต่หาศพของลูกชายซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ฐานดังกล่าวไม่เจอ จึงกลายเป็นบุคคลหายสาบสูญ และทางต้นสังกัดจึงมอบเงินช่วยเหลือให้ครอบครัวก้อนแรก 40,000 บาทเมื่อปี 2538

พร้อมทำเรื่องขอรับเงินบำนาญพิเศษให้แก่พ่อและแม่ โดยช่วงแรกได้รับเงินบำนาญพิเศษเมื่อประมาณปี 2540 จำนวน 1,800 บาท หลังจากนั้นปรับเพิ่มเป็นเดือนละ 5,000 บาท 6,000 บาท 9,000 บาท และล่าสุดเมื่อปี 2562 ได้เพิ่มเป็นเดือนละ 10,000 บาทจนถึงปัจจุบัน


ต่อมาเมื่อปี 2547 มีสมาชิกสภา อบต.มาขอเอกสารคนชราในหมู่บ้านเพื่อไปทำเรื่องขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ อบต. รวมถึงแม่ของตนเองด้วย แต่ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่มาซักถามข้อมูลหรือแจ้งรายละเอียดอะไรเลย กระทั่งเดือน ธ.ค. 2547 แม่เริ่มได้รับเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท จนถึงเดือน ก.ย. 2554 จากนั้นปี 2555 ถึงเดือน ก.พ. 2563 ได้รับเดือนละ 800 บาท โดยไม่เคยมีเจ้าหน้าที่มาแจ้งอะไร

กระทั่งวันที่ 23 มิ.ย. 2563 ได้รับหนังสือจากทาง อบต.แจ้งว่าจะเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืนจากนางทิม ผู้เป็นแม่ ที่ได้รับไปตลอดระยะเวลา 16 ปี รวมเป็นเงิน 121,800 บาท เนื่องจากเป็นผู้ได้รับบำนาญจากกรมบัญชีกลาง ถือเป็นการรับเงินจากรัฐซ้ำซ้อน


นางประมวลบอกว่า หลังได้รับหนังสือดังกล่าวทั้งแม่และตนเองตกใจมาก จึงปรึกษาพี่สาวและพี่ชาย เห็นร่วมกันว่าจะเอาเงินที่แม่ได้รับเงินบำนาญพิเศษล่าสุดเดือนละ 10,000 บาท ไปผ่อนชำระให้ อบต. เพราะกลัวจะถูกดำเนินคดี โดยได้ไปทำบันทึกตกลงที่ อบต. ตอนแรกขอผ่อนชำระเดือนละ 2,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าชำระ 2,000 บาทจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะหมดจึงแนะนำให้ชำระเดือนละ 5,000 บาท จึงยอมชำระเดือนละ 5,000 บาทเป็นเวลา 24 เดือนตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ โดยเอาเงินบำนาญของแม่ที่ได้รับมาจ่ายตั้งแต่เดือน ก.ค. 2563 จนถึงปัจจุบันรวม 6 เดือนแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม อยากถามว่าความผิดพลาดไม่ได้อยู่ที่แม่ทำไมจะต้องมารับภาระตรงนี้ หากเป็นไปได้ก็อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและช่วยเหลือด้วย เพราะเงินบำนาญที่เหลือ 5,000 บาทแม่ต้องดูแลเลี้ยงหลานกำพร้าอีกถึง 4 คน


ขณะที่ นางนัฐฐา โยธาพล ปลัด อบต.ลำไทรโยง กล่าวว่า สาเหตุที่เพิ่งมีหนังสือไปเรียกเก็บเบี้ยผู้สูงอายุจากยายทิมคืน เนื่องจากเพิ่งมีการลิงก์ระบบข้อมูลกับกรมบัญชีกลางเมื่อต้นปี 2563 ซึ่งทาง อบต.จำเป็นต้องทำตามระเบียบเพราะเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินหลวง แต่ทาง อบต.ก็เห็นใจคุณยายและครอบครัว จึงได้เรียกมาพูดคุยตกลงกันที่ อบต.ก่อนเบื้องต้นว่าคุณยายสามารถชำระได้เท่าไหร่ จนได้ข้อสรุปว่าจะชำระเดือนละ 5,000 บาทเป็นเวลา 24 เดือน จึงมีการทำบันทึกตกลงคืนเบี้ยยังชีพดังกล่าว โดยที่ทาง อบต.ไม่ได้เรียกเก็บดอกเบี้ยจากยายแม้แต่บาทเดียว

“กรณีที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากระบบข้อมูลที่ไม่ได้เชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะตรวจสอบให้ละเอียดมากขึ้น ขอให้ประชาชนให้ข้อมูลที่เป็นจริงด้วยเช่นกัน เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง” ปลัด อบต.ลำไทรโยงกล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น