บุรีรัมย์ - ยายวัย 89 ชาว อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ แทบช็อกหลังกรมบัญชีกลางมีหนังสือมาเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืน รวมดอกเบี้ยเป็นเงินกว่า 84,000 บาท เหตุเพราะได้รับบำนาญกรณีลูกชายเป็นทหารเสียชีวิตจากเหตุคลังแสงระเบิดแล้ว ลูกสาวเผยทั้งน้ำตายอมติดคุกแทนแม่เพราะไม่มีปัญญาหาเงินคืน ลำพังเงินจะกินอยู่ยังลำบาก ชี้ทำไมไม่ทักท้วงตั้งแต่แรกจ่ายมา 10 ปีแล้วมาเรียกคืน
วันนี้ (23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านใน ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ว่ากำลังเดือดร้อนและอยากให้หน่วยงานภาครัฐช่วยเหลือ กรณีที่ทางกรมบัญชีกลางมีหนังสือมาทวงเงินเบี้ยผู้สูงอายุที่จ่ายให้กับแม่เป็นเวลา 10 ปีคืนพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงินกว่า 84,000 บาท สร้างความตกใจให้แก่ผู้เป็นแม่ซึ่งปัจจุบันอายุ 89 ปีแล้ว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านผู้ที่ร้องเรียน ก็ได้พบกับนางบวน โล่ห์สุวรรณ อายุ 89 ปี ยายที่ถูกกรมบัญชีกลางมีหนังสือมาเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืน ซึ่งลูกสาวต้องมาคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะกลัวยายจะช็อก
โดยนางบวนเล่าให้ฟังว่า ยายเริ่มได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ เมื่อปี 2553 จนถึงปี 2563 เป็นเวลา 10 ปี ก็ไม่มีปัญหาอะไร กระทั่งจู่ๆ ปี 2563 ทาง อบต.ก็แจ้งว่าต้องหยุดจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุของยาย เนื่องจากยายได้รับเงินบำนาญพิเศษกรณีที่เป็นทายาทของ จ.ส.อ.จักราวุทธ โล่ห์สุวรรณ ลูกชายซึ่งเป็นทหารสังกัด มทบ.21 นครราชสีมา เนื่องจากลูกชายเสียชีวิตจากเหตุการณ์คลังแสงระเบิดที่โคราช เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544 ทางต้นสังกัดจึงได้พิจารณา จ่ายเงินบำนาญพิเศษให้กับพ่อ แม่ คนละ 5,000 บาทต่อเดือน แต่หลังจากสามีเสียชีวิตก็เหลือยายคนเดียวที่ได้รับเงินบำนาญทายาทเดือนละ 5,000 บาท
กระทั่งเมื่อวันก่อนทางเจ้าหน้าที่ อบต.เจริญสุข ได้มาแจ้งที่บ้านว่ามีหนังสือจากกรมบัญชีกลางให้เรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุจากยายคืนพร้อมกับดอกเบี้ย รวมเป็นเงินกว่า 84,000 บาท ยายก็ตกใจมากแทบช็อก และรู้สึกงงว่าทำไมจู่ๆ ทางกรมบัญชีกลางถึงพึ่งจะมาเรียกเบี้ยผู้สูงอายุคืน ทำไมไม่ทักท้วงตั้งแต่เริ่มแรกว่ายายไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ เพราะได้บำนาญพิเศษกรณีลูกชายเสียชีวิตแล้ว ทั้งที่ระบบราชการก็สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว แต่ปล่อยให้ล่วงเลยมาจนถึง 10 ปีแล้วมาเรียกเงินคืน
ยายก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปคืน เพราะเงินบำนาญเดือนละ 5,000 บาทก็ไม่พอกินอยู่แล้ว เพราะต้องจ่ายค่าจ้างรถไปรักษาตัวทั้งโรคหัวใจขาดเลือด สมองฝ่อ หัวใจโต และโรคซีดที่ รพ.เดือนละหลายรอบ ก็อยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย ตอนนี้ไม่รู้จะหาทางออกยังไงเพราะลูกก็มีอาชีพทำนา และรับจ้างกินไปวันๆ แถมมีหนี้ ธ.ก.ส. และต้องเลี้ยงหลานอีก 3 คนที่ยังเรียกหนังสืออีก
ด้านนางลัดดาวรรณ โล่ห์สุวรรณ อายุ 66 ปี ลูกสาวยายบวน เล่าทั้งน้ำตาว่า สงสารแม่มากแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะลำพังตัวเองก็แทบเอาตัวไม่รอด ทำนาขายข้าวได้ผ่อนจ่ายหนี้ ธ.ก.ส.แต่ละปียังไม่พอ มีภาระเลี้ยงลูกอีก 3 คน แถมยังมีโรคประจำตัวหอบหืด และเนื้องอกที่ปอดรุมเร้าอีก
ทั้งแม่และลูกๆ คงไม่มีปัญญาจะหาเงินไปจ่ายเบี้ยคนชราคืนให้กับกรมบัญชีกลางได้ เพราะกินอยู่แต่ละวันยังลำบาก แต่ก็อยากถามทางหน่วยงานราชการว่าทำไมจ่ายมาตั้ง 10 ปีถึงเพิ่งมาตรวจสอบ ทั้งที่ระบบราชการน่าจะตรวจสอบได้และแจ้งตั้งแต่แรกว่าแม่ไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยคนชรา เพราะได้เงินบำนาญของลูกชายแล้ว หากครอบครัวรู้แต่แรกคงจะไม่ให้แม่รับเบี้ยคนชรา
ทั้งนี้ นางลัดดาวรรณยังได้ยกมือไหว้วิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือแม่ด้วย แต่หากไม่ทางออกหรือหาเงินมาจ่ายคืนกรมบัญชีกลางไม่ได้จริงๆ หากเขาจะดำเนินคดี ตนก็จะขอติดคุกแทนแม่เพราะแม่แก่แล้วและป่วยหลายโรคด้วย