พระนครศรีอยุธยา - 2 สามีภรรยาแทบช็อก หลังหาพี่เลี้ยงมาเลี้ยงลูกชายวัย 1 ขวบเศษ ตามกลุ่มเลี้ยงเด็กได้เพียง 3 วัน พี่เลี้ยงแจ้งเด็กลื่นล้มในห้องน้ำ มีอาการชัก เร่งนำส่ง รพ. พบอาการสาหัส สมองบวม เลือดออกในช่องท้อง เส้นเลือดในคอขาด ด้านพ่อแม่ไม่ปักใจเชื่อ
ผู้สื่อได้รับการเปิดเผยจาก นายโจ ทองมุขดา อายุ 26 ปี และ น.ส.กองทอง อาจอารี อายุ 24 ปี 2 สามีภรรยาซึ่งเป็นพ่อแม่ ของ ด.ช.วีรพง ทองมุขดา หรือน้องไตเติ้ล อายุ 1 ขวบ 6 เดือน ลูกชายที่ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส รักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU 2 โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาเมื่อกลางดึกวานนี้ (25 ม.ค.) ว่า ตนเองและภรรยาทำงานอยู่ที่นิคม อุตสาหกรรมโรจนะ มีลูกชาย 1 คน ชื่อน้องไตเติ้ล อายุ 1 ขวบ 6 เดือน 16 วัน ก่อนหน้านี้ พ่อของตนเองได้เลี้ยงให้ แต่ตนเองเห็นว่าพ่อมีอายุมากแล้ว จึงได้ตกลงกันว่าจะนำลูกมาอยู่ด้วยและจะหาจ้างคนเลี้ยง
จึงได้เข้าหาในกลุ่มหาคนเลี้ยงเด็ก และมีคนแนะนำว่ามี 2 สามีภรรยาคู่หนึ่ง คู่นี้เลี้ยงเด็กดี แต่ตนดูหลายเจ้าแล้ว แต่เนื่องด้วยเวลาไม่ค่อยสะดวก จึงได้ติดต่อกับ 2 สามีภรรยาคู่นี้ และเห็นว่าอยู่ใกล้ในหมู่บ้านเดียวกันจึงได้นำลูกชายไปฝากเลี้ยงไว้เมื่อเช้าวันที่ 23 ม.ค. และช่วงเย็นก็ไปหาลูกชาย แต่เห็นลูกชายอยู่ในบ้าน ไม่ได้เข้าไปหา เพราะกลัวว่าลูกจะงอแงและร้องตาม เพราะลูกชายติดตนเองมาก ตนจึงคุยกับพี่เลี้ยงและก็ได้กลับบ้าน จนมาเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 24 ม.ค พี่เลี้ยงได้โทรศัพท์มาหาตนที่ทำงาน และบอกให้ตนเองซื้อยาแก้ตัวร้อน ยาแก้อักเสบ และของใช้ลูกเข้ามาให้ด้วย
นายโจ กล่าวอีกว่า ตนเองจึงได้ซื้อมาให้ที่บ้านและได้รับแจ้งจากพี่เลี้ยงว่าลูกชายลื่นล้มในห้องน้ำแต่ไม่เป็นอะไรมาก ขณะนี้หลับอยู่ตนจึงไม่ได้เข้าไปดูกลัวว่าน้องจะร้องตาม และก็กลับมาบ้าน จนมาช่วงเช้าของวันที่ 25 ม.ค. เวลาประมาณ 09.00 น. ทางพี่เลี้ยงได้โทรศัพท์มาหาตนเอง บอกว่า ลูกชายมีอาการชัก ให้รีบมาโรงพยาบาลอุทัย ตนเองพร้อมภรรยาจึงได้รีบเดินทางไปที่โรงพยาบาล และเห็นสภาพลูกชายมีใบหน้าบวมเขียวช้ำ หมดสติ และทางเจ้าหน้าโรงพยาบาลซักประวัติ ลูกชายของตนเองเพื่อจะนำส่งต่อโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเด็กมี อาการสาหัส ไม่รู้สึกตัว พอไปถึงโรงพยาบาลหมอได้พาเข้าห้อง ICU ทันที และพยาบาลก็พูดคุยกับตนเองว่า เด็กนั้นมีเลือดคั่งในสมอง เส้นนัยน์ตาเหมือนจะแตก เส้นเลือดในคอขาด และมีเลือดออกในช่องท้อง น้องอาการสาหัสมาก
ตนเองจึงได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ ที่สถานีตำรวจภูธรอุทัย อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาทำการสอบสวนหาสาเหตุกับพี่เลี้ยงว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ ซึ่งตนเองไม่เชื่อว่าน้องจะลื่นล้มเองและมีอาการสาหัส เป็นตายเท่ากัน แต่ถ้าเกิดจากอุบัติเหตุจริง ตนเองจะไม่ติดใจ แต่ถ้าเกิดจากการกระทำของพี่เลี้ยง ตนเองจะดำเนินคดีและอยากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยติดตามและตรวจสอบเพื่อหาความจริงให้แก่ครอบครัว
ล่าสุด วันนี้ (26 ม.ค.) ที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นพ.ราชิต เทิดสุวรรณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านตรวจสอบภายใน พร้อมด้วยพ่อแม่ของน้องไตเติ้ล ที่ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส พูดคุยพร้อมเปิดเผยอาการล่าสุดของน้องยังน่าเป็นห่วง เบื้องต้น มีอาการเลือดออกใต้หุ้มเยื่อสมองชั้นนอก ซึ่งจะมีการตรวจละเอียดอีกครั้งว่ามีอาการบาดเจ็บตรงไหนอีกบ้าง เพื่อเก็บหลักฐานเพื่อใช้ประโยชน์ในกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการผ่าตัดสมอง ซึ่งต้องรักษาอย่างละเอียดอีกครั้ง ทางโรงพยาบาลจะรักษาให้ดีที่สุด
ด้าน นายโจ และ น.ส.กองทอง กล่าวทั้งน้ำตาด้วยความเจ็บปวดหลังทราบถึงอาการบาดเจ็บของลูกชาย ว่า หวังอยากให้น้องกลับมารู้สึกตัว เพราะจากฟังที่หมอบอกเป็นห่วงเรื่องสมองของลูกที่ต้องทำการผ่าตัด เป็นห่วงลูกมาก ซึ่งก่อนหน้าที่จะได้รับบาดเจ็บมีการคุยกันกับทางพี่เลี้ยงเด็กก็มีการถ่ายรูปส่งกันให้ดู
ซึ่งขณะนี้ความคิดของครอบครัวแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เด็กอาจจะล้มเอง หรืออาจจะถูกกระทำ แต่การถ้าลื่นล้มไม่น่าจะรุนแรงขนาดนี้ แผลทั้งหน้าไม่น่าจะใช่ ซึ่งจะรอใบตรวจจากหมอเพื่อความชัดเจน โดยล่าสุดวันนี้ได้พูดคุยกันผ่านไลน์ และได้บอกอาการน้องไป รวมถึงทางญาติติดใจอาการบาดเจ็บ แผลที่ใบหน้า แต่ไม่มีการตอบกลับมีแต่อ่าน ซึ่งเป็นที่น่าสงสัย ล่าสุดเข้าไปดูลูกชายยอมรับว่าทนเห็นลูกอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้จริงๆ