กรณีเหตุสลดลูกฆ่าแม่ที่บางพรม เนื่องจากลูกมีสภาวะทางจิต และมียาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง คนในครอบครัวเห็นพฤติกรรม เมา อาละวาด ระราน จะแทงชาวบ้าน แจ้งตร.ให้มาจับหลายครั้ง แต่ตร. ไม่ทำอะไร สุดท้ายเกิดเหตุสลดใจชายคนนี้ฆ่าแม่ตัวเอง ก่อนจะบุกแทงตร. จนต้องวิสามัญ เรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นเรื่องติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่ง #ฆ่าแม่ตัวเองที่บางพรม 54
รายการโหนกระแสวันที่ 21 ม.ค. 64 "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 เปิดใจสัมภาษณ์ "คุณนา-คุณอ้น" ญาติ "โอ๊ต" ผู้ก่อเหตุแทงแม่ มาพร้อม "อาต่าย" อาแท้ๆ
คุณอ้น-พี่นา มีศักดิ์เป็นอะไรกับโอ๊ต?
นา : "เป็นลูกพี่ลูกน้อง"
อาต่าย : "ส่วนอาเป็นอาแท้ๆ"
เรื่องเกิดอะไรขึ้น โอ๊ตมีอาการทางสภาวะจิตมานานหรือยัง?
นา : "นิสัยเขาเป็นคนหัวรุนแรง แล้วเป็นมานานแล้ว เป็นก่อนข่าวที่บอกว่าผ่าตัดสมองค่ะ เขาผ่าสมองเพราะเขากินเหล้าเมา ทะเลาะกับแฟน เขาจงใจขับรถชนต้นไม้"
โอ๊ตอายุเท่าไหร่?
นา : "น่าจะ 35 ปี แม่เขาอายุไม่เกิน 62 ประมาณนั้น"
คุณอี๊ด แม่คุณโอ๊ต มีลูกกี่คน?
นา : "3 คนค่ะ โอ๊ตเป็นลูกคนสุดท้อง"
แล้วยังไงต่อ?
นา : "เขาอารมณ์ร้าย ชอยหาเรื่องคนอื่นทุกครั้งที่เขาเมา พักหลังเขากินยาดองบ้าง เหล้าขาวบ้าง กินแล้วเขาจะอาละวาด ไม่สนว่าใครจะเป็นญาติเป็นพี่เป็นน้า เป็นอาก็ไม่สนใจ"
ที่ที่เราอยู่เป็นอะไร?
นา : "เป็นที่ส่วนบุคคลของปู่ ทรัพย์สินปู่-ย่า มีกัน 3 หลัง เราก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นหนึ่งในเครือญาติ เราปุ๊บอาละวาดเลย"
มีประวัติเสพยามั้ย?
นา : "ประวัติเขาเคยเสพนะคะ แต่ตอนไปตรวจไม่รู้เจอหรือไม่เจอ แต่เขาเคยเสพยา เป็นมานานมาก ตั้งแต่ 16-17 อายุ 18 เขาก็เป็นแล้ว อารมณ์แบบนี้"
พออารมณ์รุนแรงก็ทำร้ายแม่?
นา : "ใช่ ทำร้ายแม่เขา พ่อไม่อยู่กับเขาตั้งแต่เล็กๆ เขามีปัญหาในครอบครัว ซึ่งเราก็ไม่รู้เรื่อง ตั้งแต่เกิดก็ไม่ได้อยู่กับพ่อ เขาอยู่กับแม่"
เห็นบอกว่าเคยจะให้แม่ไปอยู่ที่อื่น แต่แม่ไม่ยอมไป?
นา : "อาอี๊ดเขารักโอ๊ตมาก รักมากเกินไป รักในทางที่ผิด ลูกจะทำผิดอะไรยังไง ก็จะเข้าข้างลูกอย่างเดียว อะไรลูกก็ไม่ผิดอย่างเดียว จนมันไม่ไหว จนกลายเป็นว่าโอ๊ตตีแม่ คนแถวนั้นก็มองเป็นเรื่องปกติแล้ว เขาชินกันหมดแล้ว มันเดินออกมา แม่ไม่หาข้าวให้มันกิน มันก็เดินออกมาถามว่าอีอี๊ดอยู่ไหน ใครเห็นอีอี๊ดบ้าง ถือมีดออกมาหน้าปากซอย กูยังไม่ได้กินข้าวเลย นี่คือบุคลิกของเขา"
ที่เขาทำแบบนี้อาจเป็นเพราะกระทบกระเทือนทางสมองหรือเปล่า?
นา : "ก่อนหน้านั้นก็เป็น เป็นอยู่แล้ว ไม่ได้ผ่าตัดสมองแล้วเป็น อันนี้ไม่ต้องฟังหนูฝ่ายเดียวนะ แต่ไปสืบพยานแวดล้อมได้ เขาเจอเหมือนกันหมด พูดเหมือนกันหมด เขาเป็นมานานแล้ว แม้กระทั่งแม่นั่งเก็บตังค์หน้าห้องน้ำ ทำงานในตลาดนัด ยังไปตามด่า ตามตีแม่เขาเลย พี่ชายเขาก็โดนไล่แทงจนไม่สามารถอยู่บ้านได้ ไม่มีใครอยู่กับเขาได้"
ทำไมถึงไม่มีการพาไปหาหมอ?
นา : "ตรงนี้หนูก็ไม่เข้าใจพี่ชายเขาสองคน เพราะพวกหนูเข้าใกล้เขาไม่ได้อยู่แล้ว อารมณ์แบบนี้ใครจะกล้าเข้าใกล้"
เคยพูดกันดีๆ มั้ยโอ๊ตไปหาหมอนะ?
นา : "เคยพูดแล้วค่ะ แต่เขาบอกว่ากูไม่ได้บ้า ทุกคนเคยคุยกับเขาหมด เวลาเขาดีๆ เราก็เขาไปคุย"
พี่อ้นคุยมั้ย?
อ้น : "ผมคุยกับแม่เขาก่อนว่าให้พาไปหาหมอ เขาบอกได้ เดี๋ยวพาลูกไปหาหมอ แต่อย่าทำอะไรลูกเขา เวลาตร.มา ก็หน้ามือเป็นหลังมือ เขาปกป้องลูก เข้าใกล้ลูกไม่ได้ เขารักลูกก็เข้าใจ"
กรณีที่เกิดขึ้น ชาวบ้าน ญาติพี่น้องรู้กันหมด แจ้งความบ่อยขนาดไหน?
นา : "บ่อยพี่ ช่วงที่มีม็อบใหญ่ ตร.ไปม็อบหมด หนูไปช่วงหัวค่ำ ตร.มีอยู่ 2-3 คน หนูบอกว่าหนูแจ้งความ ไม่มีตร.ไป หนูเลยต้องมาเอง เขาบอกจะให้ทำยังไง ตร.มีคนเดียว หนูก็บอกว่าแล้วจะให้หนูทำยังไง แม่หนูจะโดนแทงปางตาย จะให้ทำไง มีสายตรวจขับรถไปแค่คนเดียว แล้วก็พูดว่าผมช่วยอะไรไม่ได้นะ ผมมีคนเดียว ผมก็ไม่กล้าเหมือนกัน หนูก็ต้องกลับมาโรงพักเพื่อรอกำลังเสริม รอให้ตร.ที่ไปม็อบเลิก แล้วไปกับหนู มีสายสืบไปกับหนูประมาณ 3 วัน แต่ก่อนหน้ามาอาละวาดบ้านหนู มันไปงัดแงะห้องอื่นด้วย และไปเข้าบ้านคนรู้จักอีกฝั่ง ไปงัดบ้านเขราจะเข้าหาลูกสาวเขา พอดีพี่เขาออกมาเจอ เลยถามว่ามึงเข้ามาทำไม"
สิ่งที่พูดถึง จะเชื่อมโยงเหตุที่ติดข้องหมองใจญาติๆ ว่าเหตุที่เกิดขึ้น พฤติกรรมที่พูดอยู่ทั้งหมดเป็นพฤติกรรมอันตราย แจ้งความกี่ทีแล้ว ทำไมตร.ไม่เอาตัวไปตั้งแต่แรก?
นา : "ใช่ แล้วพี่เขาเจอ ถามว่ามึงเข้ามาทำไม ตอนนั้นเขาจะยิงเนอะ เพราะบุกบ้านเขา แม่เขาก็วิ่งตามไป บอกว่าลูกสติไม่ดี ขอโทษ แล้วทีนี้เขาพากันมาแจ้งความ ตร. สายสืบก็ไปหามันที่บ้าน โดนมันวิ่งไล่ฟัน ตกน้ำตกท่า หนูก็ถามว่าพี่ นี่ไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าเหรอ ทำไมไม่จับ เขาบอกว่าต้องรอออกหมายจับก่อน ต้องไปแจ้งความอย่างโน้นอย่างนี้ หลายครั้งแล้ว"
นี่ครั้งแรกที่ไปแจ้ง?
นา : "2 พ.ย. ปี 63 แล้ววันที่ 16 แจ้งเช้าเย็น ตร.ไปแต่ไม่จับ ไม่มีหน้าที่จับ หนูก็ถามว่าแล้วมาทำเหี้..อะไร ทำไมไม่จับ หนูถามตรงๆ เลย ต้องรอให้ทุกคนตายก่อนใช่มั้ย ตร.ถึงจะจับ ตร.บอกว่าคุณอย่ามาพูดกับตร.อย่างโน้นอย่างนี้ พอไปแจ้งความแม่.. เดินขึ้นเดินลง จนบ่ายสามถึงจะทำคดีให้ ถึงจะรับแจ้งความ"
สน.ไหน?
นา : "สน.บางเสาธง แถวภาษีเจริญ หลังจากนั้นเขาพูดว่าทีหลังมึงรุมกระทืบมันเลย แล้วอุ้มมาส่งตร. หนูถามว่าทำไมหนูต้องไปกระทืบเขา หนูเป็นพี่ เป็นป้า เป็นน้า เป็นอา กระทืบมันมีความผิดนะพี่ ให้ประชาชนไปกระทืบผู้ต้องหา จับส่งตร. มันใช่เรื่องหนูเปล่า ไม่ใช่เรื่องนะพี่ ให้มันมาฟันแทงหนูเหรอ ตร.กินภาษีประชาชน ทำไมไม่ไปรับมีดแทนหนูล่ะ"
เจ็บปวดมากนะเนี่ย ที่พีคสุดคือ?
นา : "แม่หนูอยู่บนบ้าน มันถือมีดไปบอกว่ามึงแน่จริง ลงมา ตร.มันพูดว่าคุณไปเอาเจ้าทุกข์มา คุณไม่ใช่เจ้าทุกข์ผมไม่รับแจ้ง ฉิบหาย มันจะแทงแม่กู หนูเลยถามว่าแม่จะออกมายังไง ทำไมตร.ไม่ออกไป สรุปอาต้องเข้าไปแทน เอาตัวแม่ออกมา"
อายังไง?
ต่าย : "วันนั้นหลานสาวโทรไปเอาตัวแม่ของหลานออกมาได้ และเอามีดมา 2 เล่มเป็นหลักฐาน ตร.เลยเอามีดไปด้วย แล้วไปโรงพัก จนพี่สะใภ้ไปนั่งรอนานมาก ไปตั้งแต่เช้า จนบ่ายสาม ตร.บอกว่ายังทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน"
นา : "หนูไปโวยวายค่ะ หนูไม่ได้ด่าเหี้.. สั_ว์ อะไรนะพี่ หนูไปแจ้งตามที่หนูพูด ไปแจ้งห้องสืบ ห้องสืบบอกมึงขึ้นไปแจ้งข้างบนเลย กูจะจัดงานวันเด็ก เกี่ยวกันมั้ย พอไปแจ้งข้างบน บอกไปห้องสืบเลย เป็นหน้าที่ของสืบ หนูเลยถามว่าสรุปจะให้แจ้งกับใคร เขาบอกแจ้งกับผมนี่ แล้วพอแจ้งก็บอกว่าคุณไม่ใช่เจ้าทุกข์ สน.บางเสาธง"
ก่อนโอ๊ตสังหารแม่ตัวเอง มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น?
นา : "มันก็เหมือนเดิม จะเอามีดมาฟันคนอื่นเหมือนเดิม เอามีดจะมาฟันคนที่บ้าน"
เขาเสพมั้ย?
นา : "หนูพูดไม่ได้ว่าเสพหรือไม่เสพ เพราะมีผลกับหนู แต่เขาบ้าแน่ แต่ไม่มีใบบ้า เพราะพี่น้องไม่ได้เอาไปรักษา พอเกิดเรื่องเป็นพี่ชายแสนดีมาก ไม่เข้ามาดูดำดูดี คนเป็นลูกทำได้เหรอ ให้แม่นอนอยู่กลางถนน ให้น้องไล่ฟันแม่ ด่าแม่ ตีแม่ทุกวัน"
แต่ตอนนี้พี่ชายบอกคุณไปกดดันมาก ทำให้น้องเขาทำแบบนี้?
นา : "คนที่กดดันคือน้องเขา กดดันเราทำให้เราต้องย้ายบ้านหนี นี่คือเรากดดัน"
เขาบอกเขาตัดขาดคุณ?
นา : "เราก็ตัดขาดเขาพี่ เพราะเราพยายามช่วยแม่เขา คนรอบข้างพยายามช่วยแม่เขา ตัวเขาอยู่ไหน หนูโทรไปหาคนแรกพี่ชายคนโต จะเอาไง โอ๊ตอาละวาดอีกแล้ว ป้าอี๊ดให้โทรให้ ป้าอี๊ดนั่งอยู่ ให้ช่วยกันจับไอ้โอ๊ตไปส่งรพ."
เขาพูดว่าไง?
นา : "มึงไม่ต้องมายุ่งกับกู ลูกรักเขาก็ให้เขาจัดการกันเอาเอง ให้ตร.จับมันไปเลย นี่คือคำพูดพี่ชายคนโต โทรไปหาคนน้อง บอกว่าลำพังตัวกูยังเอาไม่รอดเลย กูมันก็ไล่แทง แล้วแต่เวรแต่กรรม กูเคยพามาอยู่ด้วย แต่หนีไปหามัน"
พอเกิดเรื่องปั้ง?
นา : "กลายเป็น โอ้โห คนโน้นคนนี้กดดัน"
ทำให้โอ๊ตฆ่าแม่?
นา : "ใช่ ก็ถ้าลูกเขาไม่ตีแม่ เราจะแจ้งความมั้ยล่ะพี่ คนบ้าอะไรจะไปแจ้งความจับคนดี"
สรุปพี่โอ๊ตบอกว่าพวกคุณไปแจ้งความจับน้องเขา โอ๊ตเลยกดดัน ก่อเหตุ แต่คุณมองว่าพี่ต้องมาดูแลน้อง ดูแลแม่ตัวเอง สองตร.ต้องจับโอ๊ตออกไปบำบัด?
นา : "ใช่"
แล้วก่อนเกิดเหตุยังไง?
นา : "เขาอาละวาดอีก ก็แจ้งตร. ตร.มา 2 นาย สายตรวจ ที่บางเสาธง ไปจอดรถอยู่ร้านกาแฟ หนูถามว่าไม่เข้าไปคุยกับผู้ต้องหาเหรอ ไม่ไกล่เกลี่ยมันออกมาเหรอ ทำไงเขาก็ไม่เข้า เขาบอกว่าเขามาแค่ 2 คน ไม่มีกำลังมา"
ต้องกี่คนถึงเป็นกำลัง?
นา : "ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่เข้าไปจับ จนเพื่อนๆ มากันหลายคน เพราะต้องทำอะไรสักอย่าง กฎหมายไม่ได้ ก็ต้องกฎหมู่เอามันออกไปรักษาให้ได้ แฟนหนูออกไปคุยกับยายอี๊ด บอกว่าอย่าไปทำอะไรมันนะ เราก็บอกว่าไปช่วยกันจับมันออกมาเพื่อพาไปรักษา พอตร.มา กำลังจะเข้าไปจับ แม่เขาหน้ามือเป็นหลังมือ มึงพากันมาทำไม มึงจะมาตีลูกกูเหรอ โอ้ย อะไร เราบอกว่าจะต้องพาไปรักษานะ ไม่งั้นมันก็ตียายอี๊ดอยู่อย่างนี้"
เขาตีหนักมั้ย?
นา : "ลากออกมา เอาหัวโขกกำแพง ทั้งตี ทั้งกระทืบ หลายอย่าง จนยายอี๊ดไปตัดพ้อชีวิตกับคนรอบข้างว่าเขาเบื่อลูก เขาไม่ไหวแล้ว"
แล้วตร.ทำไง?
นา : "ตร.ไม่ทำยังไง เขาก็บุกไปจะจับโอ๊ต ตร.ตามเข้าไปยืนแอบอยู่หลังกำแพง ให้พวกนี้เข้าไปจับผู้ต้องหา พอล็อกออกมาได้ ยื่นกุญแจมือให้น้องเขย จะให้ล็อกไอ้โอ๊ต หนูบอกว่ามึงห้ามไปล็อกเขาเด็ดขาด มึงเป็นประชาชน ไม่ใช่ตร. ถ้าเขาหัวหมอ พี่น้องเขาบอกว่าไปจับกักขังหน่วงเหนี่ยวเขาได้ยังไง มึงมีความผิดนะ ตร.ต้องล็อกเอง แล้วพอเราพามันออกมาริมถนนได้ ก็คุยกันว่าให้เอาขึ้นรถเลย เอาไปสงบสติอารมณ์ก่อน เกี่ยงกัน บอกว่ารอแป๊บนึง สายสืบกำลังจะมา 2 คน รถสายสืบมา ไอ้โอ๊ตมึงว่าไง อ้าว พี่ หวัดดีครับ เป็นไงพี่ ผมจับมันไม่ได้ ไม่ใช่เหตุซึ่งหน้า ไม่ได้มาฟันต่อหน้าผม แล้วจะให้ทำยังไง สักพักพี่ชายคนโตโผล่มาจากไหนไม่รู้ น่าจะแม่เขาโทรไปตาม มาถึงก็พูดตรงๆ ด่าคำหยาบ ไปจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ฝั่งตรงข้าม โอ๊ตก็กระโดดขึ้นรถพี่ไปเลย ตร.ก็ปล่อยให้ไปซะอย่างนั้น แล้วบอกว่าให้คนใดคนหนึ่งพาเขาไปโรงพักที ถามหน่อยมันจะไปมั้ย หนูก็เลยขับรถตามไป เอาไปทิ้งไว้ร้านลาบ หนูไปจอดดูอยู่ห่างๆ พี่มันเอาไปทิ้งไว้กับเพื่อนมัน แล้วขับรถไปไหนก็ไม่รู้ น้องมันนั่งอยู่วินสามแยกวัดแก้ว หนูโทรไปหาอีกสน. ว่าผู้ต้องหาอยู่นี่"
เหนื่อยมั้ย?
นา : "ไม่เหนื่อย หนูบอกว่าผู้ต้องหาอยู่สามแยกวัดแก้ว มาจับสิ เขาบอกว่าไม่มีหมายจับ ไม่สามารถจับได้ หนูบอกว่าจะทำยังไง ต้องรอให้คนตายหรือไง แล้วแม่หนูจะเข้าบ้านยังไง จะนอนยังไง คืนนั้นเลยเป็นคืนที่เอาแม่ออกจากบ้านไปอยู่บ้านหนูอีกที่ ถ้าแม่หนูไม่ออกไป แม่หนูจะกลายเป็นศพ ไม่ใช่แม่เขา"
สุดท้ายวันรุ่งขึ้น?
นา : "โอ๊ตฆ่าแม่ ฆ่าตั้งแต่กลางคืน"
เหตุการณ์เป็นยังไง?
นา : "มีคนบอกว่ามันไปนั่งกินเหล้าข้างวัดใหม่ติดกับบ้านเขา แล้วแม่ไปตามกินข้าว แล้วคงโมโห มีอารมณ์หงุดหงิด หลังจากนั้นมันเข้าบ้านไป เราไม่รู้ว่ามันฆ่าแม่มันยังไง เช้ามาประมาณ 6 โมงกว่า อาโทรไปว่าให้แจ้งตร. ไอ้โอ๊ตคลั่งอีกแล้ว ไม่ไหวแล้ว มีคนมา 4 คน ผมจับไม่ได้ ยังไงก็จับไม่ได้ เราใจไม่ดี กลัวเป็นพ่อ เพราะพ่อหายไป ตร.เข้าไปสองคน ไปคุยกับมัน มันนั่งลับมีดอยู่ ถามว่าจะทำอะไร มันบอกกำลังจะดายหญ้า แต่หารู้ไม่ มันฆ่าแม่มันแล้ว แม่อยู่ในบ้าน ตร.ออกมาบอกว่ามันไม่ได้บ้า มันแกล้งบ้า มันคุยกับผมรู้เรื่อง คนบ้าจะคุยไม่รู้เรื่อง หนูบอกว่าถ้าไม่บ้าทำไมไม่จับเขาบอกจับไม่ได้ แล้วขับรถออกไปเลย ไม่เกิน 5 นาที ไฟไหม้ โอ๊ตเผาบ้าน และมีคนไปแอบดูว่ามีคนตาย ตอนนั้นใจเสีย คิดว่าเป็นพ่อ เพราะใครจะไปคิดว่ามันจะฆ่าแม่ อาบอกว่ามันฆ่าแม่ ฟันไม่ยั้งเลย แล้ววิ่งเข้าไป เจอมันกำลังหั่นศพ"
ยังไง?
อ้น : "ผมเข้าไป ลูกสาวโทรมาบอกว่าพ่อตาหายไป คิดว่าพ่อตาตาย ตอนนั้นมือไม้สั่น เห็นว่าเอามีดแทงแล้วเฉือน งัดๆ ให้กรามหลุด เฉือนปาก เฉือนลิ้น มันเป็นประตูรั้ว ผมอยู่ตรงรั้ว ผมเรียกเขาโอ๊ตๆ 3-4 คำ เขาลากแม่ เฉือนแม่ ตัดลิ้นแม่ เห็นเลย แล้วหั่นมือที่มีรอยแผล ผมก็ทนดูไม่ได้ เดินออกไป"
ตร.มาตอนไหน?
อ้น : "ตอนผมเดินออกไป ตร.ก็มา"
นา : "หลังจากนั้นพวกดับเพลิงเอาน้ำฉีดไล่ มันก็หนีไปข้างหลังไปเจอตร. หลังจากนั้นก็ตามภาพ มีการวิสามัญเกิดขึ้น"
เพราะโอ๊ตวิ่งไปจะแทงตร. ในมือถือลิ้นแม่ และกรอบรูปของแม่?
นา : "ใช่ ตร.ยิงขู่ให้มอบตัว เขาก็เหมือนจะมอบ แต่เขาคว้ามีดขึ้นมาอีก ฝั่งตรงข้ามมีพระอยู่องค์นึงบอกให้มันมอบตัว"
ประเด็นคุณที่ข้องใจมาก กลายเป็นว่าเราไปกดดันหนึ่ง สองถ้าเกิดตร.ระงับเหตุตั้งแต่คืนแรก ก่อนโอ๊ตสังหาร ทุกอย่างมันจบ?
นา : "ขอพูดถึงพี่โอ๊ต มันเป็นตราบาปของเขานะ ถ้าเขาไม่พาน้องหนีในวันนั้น แม่เขาก็ไม่ตายในวันนี้ ถ้าตร.ไม่เอาไป หนูต้องล็อกมันไปอยู่แล้ว แต่เขาเลือกให้น้องขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไป หนูถามว่าทำไมในสื่อไม่พูดว่าตร.มาแล้ว เขาไม่เคยพูดเลยว่าเขาพาน้องออกไป กลับไปให้ข่าวน่าสงสารมาก คือถามว่ายามแม่มีชีวิต ทำไมมึงไม่ดูแล น้องมึงตีแม่ขนาดนี้ มึงยอมเหรอ มึงไปกินสุขสบาย แต่ให้แม่นอนข้างถนน รอวันจะตายวันไหน"
ไม่กลัวเขาฟ้องเหรอ?
นา : "ฟ้องหนูเรื่องอะไร หนูพูดเรื่องจริง ไม่กลัว หนูเชื่อว่าหนูมีพยานแวดล้อมเยอะ เขาเห็นกันเยอะ หนูสงสารยายอี๊ด"
ประเด็นที่สอง พอคุณพูดออกมาในข่าว เรื่องนี้ติดเทรนด์ทิวตเตอร์อันดับหนึ่ง ฆ่าแม่ตัวเองบางพรหม 54 รีทวิตไป 3 แสนกว่าครั้ง ที่สำคัญหลังติดเทรนด์ปุ๊บ ตร.มาขอให้คุณเปลี่ยนคำพูด เพราะอะไร?
นา : "หนูก็ไม่ทราบ ตร.บางเสาธง ครั้งแรกเพื่อนบอกว่ามึงออกมาฟังหน่อย มีคนเขาฝากอะไรมาบอก หนูออกมาเขาฝากบอกว่าเขาขอโทษ อย่าไปให้ข่าวสื่อไหน แค่นี้โรงพักก็สั่นสะเทือนแล้ว แล้วเมื่อวานก็มาอีก แต่หนูไม่อยู่ เขาบอกว่าให้พูดทำนองว่าเรากำลังโกรธเลยพูดไปแบบนั้น"
ตอนนี้คุณห่วงความปลอดภัย?
นา : "ใช่ หนูบอกเลยว่าหนูไม่ได้มาเอาเรื่องตร. หนูอยากให้คดีนี้่เป็นอุทาหรณ์ว่าตร.ควรมีวิจารณญาณในการทำคดี หรือมีเซ้นส์สักนิดว่าประชาชนแจ้งหลายครั้ง แสดงว่าไอ้นี่แม่.. จริงๆ มันโหดร้ายจริงๆ ไม่จำเป็นต้องหนูแจ้ง ฟังแวดล้อมก็ได้ แค่มันตีแม่ทุกวัน ก็น่าจะจับไปได้แล้ว"
ณ เวลานี้ผบ.ตร.ลงพื้นที่บางเสาธงแล้ว แต่ครอบครัวโอ๊ตตัดขาดคุณแล้ว?
นา : "ก็มีพี่ชายสองคน แทนที่เขาจะขอบคุณเรา เราคอยปกป้องแม่เขา คอยแจ้งตร.ว่ามันตีแม่ เราโทรหา ให้มาจัดการน้อง สังคมถามคุณกลับเหรอว่ารู้ว่าน้องทำกับแม่อย่างนี้ ทำไมไม่จัดการ แต่หนูไม่กลัวเขานะ หนูไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่เขานะ หนูอยู่เขตตลิ่งชัน ตร.ตลิ่งชันบอกว่าจับได้ ทำไมไม่จับ แล้วอย่าลืมถามเขานะ ตอนที่พี่ชายพาน้องหนี พี่ชายมีความผิดมั้ย หนูอยากรู้ตรงนี้ หนูแช่งเลย ตราบาปติดตัว ถ้ามึงไม่พามันหนี แม่มึงไม่ตาย น้องมึงไม่โดนวิสามัญ เพราะใจญาติพี่น้องต้องการเอาไปรักษา เราไม่ได้ต้องการให้โอ๊ตตาย ฝากบอกพี่ชายเขาสองคน กรุณาอย่าสร้างภาพว่าเป็นลูกที่ดี เพราะคนเราเป็นลูกที่ดีได้ แค่น้องด่าแม่ก็ไม่สมควรเก็บไว้แล้ว สมควรดูแลจิตใจแม่ ไม่ควรให้แม่มานอนข้างถนน เดินเก็บขยะขายไปวันๆ"