MGR Online - ผบ.ตร.เดินทางมา สน.บางเสาธง ติดตามความคืบหน้ากรณีตั้งกรรมการสอบสวนเหตุตำรวจวิสามัญฆาตกรรมลูกคลั่งฆ่าแม่ ทบทวนข้อกฎหมายวิธีปฏิบัติป้องกันเหตุซ้ำอีก
จากกรณีตำรวจวิสามัญฆาตกรรมนายนนทชัย หรือโอ๊ต กรานเคารพ อายุ 35 ปี ที่ก่อเหตุฆ่านางสุรางค์รัตน์ จ้อยเจือ อายุ 62 ปี มารดาตัวเอง ก่อนเผาบ้านตัวเองในซอยบางพรม 54 ย่านตลิ่งชัน ซึ่งญาติบอกว่าเมื่อก่อนนายนนทชัยเคยคุ้มคลั่งบ่อยครั้ง แต่เมื่อแจ้งตำรวจบางเสาธงมาควบคุมตัว กลับอ้างว่าไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าจึงไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สน.บางเสาธง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.7 และ พ.ต.อ.ศุภศักดิ์ โปรียานนท์ ผกก.สน.บางเสาธง ร่วมติดตามความคืบหน้ากรณีตำรวจบางเสาธงไม่คุมตัวนายนนทชัก่อนหน้านี้ภายหลังมีญาติผู้ตายแจ้งหลายครั้งจนมาเกิดเหตุสลดดังกล่าว
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าเหตุครั้งนี้มีญาติๆ แจ้งตำรวจหลายรอบแล้วแต่ไม่มีการควบคุมตัวไปนั้น บช.น.ตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ ส่วนเรื่องการวิสามัญฆาตกรรมนั้นมีกฎหมายเฉพาะเป็นหลักประกันความมั่นใจอยู่แล้ว หากญาติติดใจการตาย หรือตำรวจทำเกินไม่ไปหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องไปสู่ชั้นศาล ไม่ได้จบเพียงตำรวจ ซึ่งมีขั้นตอนชัดเจน โดยวันนี้ตนมาตามในเรื่องตำรวจ ในฐานะ ผบ.ตร.จึงมาดูแลเรื่องการบริหารนโยบายว่าสาเหตุเกิดมาจากอะไร เป็นที่ระบบหรือผู้ปฏิบัติกลไกไม่ทันสมัยพอ มีข้อจำกัดใด มาจากความประพฤติส่วนตัวหรือไม่ และจะทำอย่างไรต่อไปไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ที่อื่นอีก เบื้องต้นต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล ฝั่งตำรวจเองก็มีข้อจำกัด แต่หากเหตุผลไม่เพียงพอ บช.น.มีกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่แล้ว
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวอีกว่า กฎหมายระบุไว้ว่าการวิสามัญฆาตกรรม ใช้ต่อเมื่อมีอันตรายที่ใกล้จะถึงเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อชีวิตเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม จะต้องทบทวนการฝึกซ้อมการระงับเหตุ รวมถึงทบทวนความรู้ในข้อกฎหมายว่าผู้ปฏิบัติทราบหรือไม่ เช่น พ.ร.บ.สุขภาพจิต มาตรา 24 ให้อำนาจฝ่ายปกครองหรือตำรวจนำตัวผู้ที่มีอาการส่งไปตรวจได้ ทั้งนี้ ระยะเวลาการเข้าระงับเหตุนั้นปกติกำหนดไว้ที่ 3 นาที แต่ยอมรับว่าไม่เคยทำได้เต็มประสิทธิภาพ จากการฝึกซ้อมก็อยู่ที่ 7 นาที จึงต้องดูตามพื้นที่ไป