ศูนย์ข่าวศรีราชา -กรมเจ้าท่าจัดประชุมร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้องในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เดินหน้าพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยววิถีใหม่ชายหาดยั่งยืนระยะที่ 1 หลังทุ่มงบ 586 ล้านบาท ลุยโครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน เผยหากแล้วเสร็จพร้อมเดินหน้าต่อโครงการเฟส 2 ถึงเขาพระตำหนัก ในปี 65
เมื่อเร็วๆ นี้ นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาระดับจังหวัดกรมเจ้าท่ากับการท่องเที่ยววิถีใหม่ชายหาดยั่งยืน โครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียนจังหวัดชลบุรี ระยะที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นที่ โรงแรมดี วารี จอมเทียน บีช พัทยา โดยมี ตัวแทนจากเมืองพัทยา เทศมนตรีเทศบาลตำบลนาจอมเทียน คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสื่อมวลชนเข้าร่วม
จุดประสงค์สำคัญเพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากการดำเนินโครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน ระยะที่ 1 ภายใต้งบประมาณดำเนินการ 586 ล้านบาท รวมทั้งยังเป็นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียได้แสดงความคิดเห็นเพื่อหาแนวทางและมาตรการลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมเจ้าท่า ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะสิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะของชายหาดท่องเที่ยวในหลายรูปแบบผ่านกรณีศึกษาของทั้งในและต่างประเทศ และผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
จนได้ข้อสรุปว่า วิธีการเสริมทรายเป็นวิธีการที่ดีที่สุด และมีความเหมาะสมกับปัญหาของชายหาดท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยมีตัวอย่างความสำเร็จจากโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยา ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร ตั้งแต่ชายหาดพัทยาเหนือจนถึงชายหาดพัทยา ที่ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีมากทั้งจากนักท่องเที่ยวประชาชน พ่อค้าแม่ค้า และผู้ประกอบการต่างๆ
ส่งผลให้ภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวดีขึ้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการลดปัญหาการกัดเซาะชายหาดของน้ำทะเลในบริเวณดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
สำหรับการดำเนินโครงการงานเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน ระยะที่ 1 มีพื้นที่โครงการที่จัดทำอยู่ในเขตชุมชนหนาแน่น อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และมีการประกอบกิจกรรมหลาก หลายประเภท ซึ่งโครงการการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนบางส่วนได้
อธิบดีกรมเจ้าท่า เผยว่า โครงการงานเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน ระยะที่ 1 กรมเจ้าท่าได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 586,047,000บาท ว่าจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการเสริมทรายหลังจากดำเนินการสำเร็จมาแล้วในพื้นที่ชายหาดเมืองพัทยา เพื่อให้เป็นผู้รับผิดชอบทำการเสริมทรายของชายหาดจอมเทียนในระยะที่ 1 ต่อไป
โดยได้เริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.2563 ไปจนถึงวันที่ 15 พ.ย.2565 รวมระยะเวลา 900 วัน ซึ่งแหล่งทรายที่จะใช้เสริมชายหาดจอมเทียนจะนำมาจากบริเวณทิศตะวันตกของเกาะรางเกวียน ซึ่งอยู่ห่างจากชายหาดจอมเทียน ประมาณ 15 กิโลเมตร และยังเป็นแหล่งเดียวกับที่ใช้เสริมทรายชายหาดพัทยามาแล้ว คาดว่าจะใช้ทรายรวมทั้งสิ้นประมาณ 6.4 แสน ลบ.ม.
และหลังโครงการก่อสร้างเสริมทรายชายหาดจอมเทียนแล้วเสร็จ จะทำให้ชายหาดมีความกว้างเฉลี่ยลงไปในทะเลประมาณ 50 เมตร และจะส่งผลให้ธุรกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาในเขตนาจอมเทียน และจอมเทียนกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยปริมาณนักท่องเที่ยวที่เชื่อว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 9 ล้านคนต่อปี และยังจะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้มากถึงปีละกว่า 6 หมื่นล้านบาท
"จากผลการศึกษา พบว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวมีความคุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไป โดยพบว่าเงิน 1 บาทที่ลงทุนไปกับโครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน จะสามารถสร้างเม็ดเงินกลับคืนมาในระบบประมาณได้ 3.20 บาท"
และยังคาดการณ์อีกว่า โครงการเสริมทรายชายหาดบริเวณอ่าวนาจอมเทียน ในเฟสแรกจะแล้วเสร็จตามกำหนด ส่วนการดำเนินงานในเฟส 2 จะเริ่มตั้งแต่ซอย 11 จอมเทียนไปถึงชายหาดจอมเทียนต่อเนื่องเขาพระตำหนัก รวมระยะทางอีก 3.5 กม.ซึ่งส่วนที่เหลือจะเริ่มดำเนินโครงการได้ในปีงบประมาณ 2565 เนื่องจากปีงบประมาณ 2564 นั้น กรมเจ้าท่าไปจัดทำโครงการเสริมทรายชายหาดบางแสนไปก่อนแล้ว