ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมเจ้าท่า เดินหน้าเสริมทรายชายหาดอ่าวนาจอมเทียน ชลบุรี เฟสแรก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร งบเกือบ 600 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปี 65 เชื่อทันรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกคลี่คลาย
จากกรณีที่กรมเจ้าท่า ได้ตรวจพบว่ามีการกัดเซาะอย่างรุนแรงในพื้นที่ชายหาดบริเวณชายฝั่งทะเลในเขตพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งหากไม่มีการแก้ไขใดๆ เชื่อว่าภายในระยะเวลา 5 ปี การกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งจะขยายวงกว้างไปถึงพื้นที่ถนนเลียบชายหาด ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อภาพรวม และบรรยากาศทางการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา อย่างแน่นอน
และที่ผ่านมา ยังได้อนุมัติงบประมาณจำนวนมากในการดำเนินโครงการเสริมทรายชายหาดอ่าวพัทยา ในระยะทาง 2.8 กิโลเมตร จนแล้วเสร็จ และสามารถเพิ่มพื้นที่ชายหาดให้มีความกว้างขึ้นอีก 30 เมตร สร้างความสวยงามให้แก่ชายหาดพัทยา แหล่งท่องเที่ยวสำคัญได้เป็นอย่างดีนั้น
วันนี้ (7 พ.ย.) นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ได้เปิดเผยถึงการจัดทำโครงการต่อเนื่องจากการเสริมทรายชายหาดอ่าวพัทยา ว่า กรมเจ้าท่ามีแผนที่จะจัดทำโครงการเสริมทรายจากอ่าวพัทยา จนไปถึงอ่าวนาจอมเทียน เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้กลับคืนสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด
โดยได้รับงบประมาณในการจ้างเหมาก่อสร้างเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดนาจอมเทียน จำนวน 586 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการในเฟสแรก ในระยะทาง 3.5 กิโลเมตร
และหากดำเนินการแล้วเสร็จจะทำให้อ่าวจอมเทียน มีพื้นที่ชายหาดกว้างถึง 50 เมตร ซึ่งขณะนี้ได้ว่าจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ให้เป็นผู้จัดทำโครงการฯ โดยจะเริ่มว่าจ้างสัญญาตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.2563 ไปจนถึง 15 พ.ย.65 รวมระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 900 วัน
“ขณะนี้ผู้รับจ้างได้เข้าพื้นที่ตามแผนงานที่กำหนด ทั้งการสำรวจแหล่งทรายที่จะนำมาเสริม โดยได้มีการสำรวจแหล่งทรายบริเวณทะเลห่างจากฝั่งพัทยา ประมาณ 15 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งทรายเดียวกันกับโครงการเสริมทรายอ่าวพัทยา ขณะที่ปริมาณทรายที่จะใช้ในการเสริมทรายอ่าวนาจอมเทียนอยู่ที่ประมาณ 600,000 คิว และได้มีการนำผลที่ได้จากสำรวจไปเข้าห้องแล็บ เพื่อตรวจสอบคุณภาพทรายให้ได้มาตรฐานที่กำหนดไว้ตามสัญญาแล้ว”
ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา ยังเผยอีกว่า จากนี้ผู้รับจ้างจะได้นำเรือดูดทรายเข้ามาในพื้นที่ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานไปยังเรือจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาดำเนินการ
อย่างไรก็ดี กรมเจ้าท่าจะเร่งรัดให้ผู้รับจ้างดำเนินการเสริมทรายให้แล้วเสร็จตามที่สัญญากำหนดไว้เพื่อคืนสภาพพื้นที่ชายหาดให้สอดคล้องระยะเวลาที่รัฐบาลได้ประกาศปลอดล็อกพื้นที่จากการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังสถานการณ์ได้คลี่คลายลงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้ทันเวลา
“ที่ผ่านมา อธิบดีกรมเจ้าท่าได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง พร้อมสั่งการให้แก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ผู้รับจ้างสามารถทำงานให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้” ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา กล่าว