ศูนย์ข่าวศรีราชา - ลุยต่อปลายเดือนนี้ กรมเจ้าท่าทุ่มอีก 586 ล้านบาท เดินเครื่องโครงการเสริมทรายชายหาดนาจอมเทียน ตามแผนบูรณะชายฝั่งทะเลตะวันออก หลังถมทรายหาดพัทยาแล้วเสร็จเมื่อปี 2562 คาดเริ่มดำเนินการปลาย มิ.ย.นี้ เผยแล้วเสร็จลุยหาดบางแสนต่อทันที
จากผลศึกษาปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะพื้นที่ชายหาดที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงบริเวณชายหาดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ของสถาบันวิจัยทางน้ำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ระบุว่า หากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจทำให้พื้นที่ชายหาดเมืองพัทยาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศมีอันต้องขาดหายไปในระยะเวลา 10-15 ปีข้างหน้า จนทำให้กรมเจ้าท่า ต้องอนุมัติงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการเสริมทรายชายหาด ขยายพื้นที่ให้มีความกว้างถึง 35 เมตร ตลอดแนวความยาวของชายหาดที่มีระยะทางกว่า 2.8 กิโลเมตร
และได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จนสามารถส่งมอบให้แก่เมืองพัทยาได้ตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมา และยังส่งผลให้ชายหาดเมืองพัทยาได้กลับมามีสภาพสวยงามอีกครั้งนั้น
ล่าสุด วันนี้ (12 มิ.ย.) นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 สาขาพัทยา ได้ออกมาเปิดเผยถึงโครงการต่อเนื่อง ที่กรมเจ้าท่า มีแผนที่จะดำเนินการต่อจากโครงการเสริมทรายชายหาดเมืองพัทยา ที่ได้ดำเนินการสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย คือ โครงการเสริมทรายชายหาดบริเวณอ่าวนาจอมเทียน เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบูรณะชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก
หลังพบว่าชายหาดบริเวณอ่าวนาจอมเทียน ได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะของน้ำทะเลค่อนข้างรุนแรงไม่แพ้ชายหาดพัทยา และหากไม่เร่งดำเนินแก้ไขก็จะทำให้ชายหาดถูกกัดเซาะเข้ามาจนถึงชายฝั่งซึ่งเป็นที่ดินของประชาชน
ทั้งนี้ โครงการเสริมทรายชายหาดนาจอมเทียน จะใช้งบประมาณปี 2563 ในการดำเนินการเฟสแรกที่มีระยะทางยาว 3.5 กิโลเมตร โดยมีแผนที่จะขยายพื้นที่ชายหาดให้มีความกว้างประมาณ 50 เมตร และมีความสูงจากพื้นท้องดินเดิมประมาณ 2.5 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ภายใต้งบประมาณดำเนินการ 586 ล้านบาท
และขณะนี้กรมเจ้าท่า ได้ว่าจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการถมทรายชายหาดพัทยาให้เข้าดำเนินการต่อ โดยจะมีระยะเวลาในดำเนินการทั้งสิ้น 900 วัน และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้
“ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการเฟสแรกตั้งแต่บริเวณร้านลุงไสว ไปจนถึงซอยนาจอมเทียน 11 ในระยะทาง 3.5 กิโลเมตร โดยจะใช้ทรายจากแหล่งทรายเดิมที่เคยนำเสริมชายหาดพัทยา คือ บริเวณใต้ทะเลใกล้เกาะรางเกวียน ซึ่งมีปริมาณทรายเพียงพอในการเสริมทรายและสต๊อกทราย จากการคำนวณที่คาดว่าจะใช้ปริมาณทรายทั้งสิ้นกว่า 680,000 ลบ.ม.”
นายเอกราช ยังเผยอีกว่า หากดำเนินโครงการเสริมทรายชายหาดอ่าวนาจอมเทียนในเฟสแรกแล้วเสร็จ ก็จะจัดทำโครงการเสริมทรายชายหาดบางแสนต่อในปี 2564 เนื่องจากชายหาดบางแสนก็มีปัญหาการกัดเซาะอย่างรุนแรงเช่นกัน ซึ่งหลังจากดำเนินการในพื้นที่ชายหาดบางแสนแล้วเสร็จ ก็จะกลับมาดำเนินการต่อในพื้นที่ชายหาดจอมเทียน เพื่อในครบระยะทาง 7 กิโลเมตร
สำหรับโครงการเสริมทรายชายหาดอ่าวนาจอมเทียนในเฟสที่ 2 จะเริ่มจากซอย 11 จอมเทียนถึงชายหาดจอมเทียนต่อเนื่องไปจนถึงเขาพระตำหนักในระยะอีก 3.5 กิโลเมตร และคาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการได้ในปีงบประมาณ 2565 หลังถมทรายชายหาดบางแสนแล้วเสร็จ
“วิธีการเสริมทรายชายหาดบริเวณอ่าวนาจอมเทียนนั้น จะเป็นไปในลักษณะเดียวกับชายหาดพัทยา คือ จะใช้เรือทำการดูดทรายจากใต้ท้องทะเลเกาะรางเกวียน เพื่อนำกักเก็บไว้ยังสถานีที่อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 1,000 เมตร จากนั้นจะทำการพ่นทรายไปยังชายฝั่งช่วงละ 100 เมตรกระทั่งเต็มตลอดแนว”
อย่างไรก็ตาม การเสริมทรายชายหาดนาจอมเทียน จะไม่มีการวางและฝังแนวถุงบิ๊กแบ็กแบบ Geo Tex-tile ดังเช่นชายหาดพัทยา เนื่องจากมีความกว้างของชายหาดมากกว่าชายหาดพัทยา
และชายหาดนาจอมเทียน ยังไม่มีปัญหาการไหลของน้ำที่ท่วมจากผิวจราจรลงสู่พื้นที่ชายหาดจนพัดทรายไหลลงสู่ทะเลเช่นเดียวกับชายหาดพัทยา
ขณะนี้เมืองพัทยา ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 105 ล้านบาท ในการวางระบบท่อระบายน้ำริมถนนสายชายหาดเพื่อลดปัญหาดังกล่าวแล้ว