เชียงราย/น่าน – เจ้าหน้าที่สกัดจับคนลอบข้ามฝั่งทั้งจากพม่า-สปป.ลาว เข้าชายแดนเชียงราย/น่าน ได้ต่อเนื่อง..ทำชาวบ้านผวาโควิดเพิ่ม หลังเมียนมาพบผู้ป่วยในท่าขี้เหล็ก หัวเมืองชายแดนตรงข้ามแม่สายเพิ่มอีก
ความคืบหน้ากรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงกันข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งล่าสุดตรวจเจอผู้ป่วยเพิ่มเป็น 7 ราย ประกอบด้วยผู้ที่เดินทางมาจากเมืองย่างกุ้งและมัณฑะเลย์แล้วพบว่าติดเชื้อในศูนย์กักดูอาการหรือ Local Quarantine ท่าขี้เหล็ก 2 ราย และหญิงสาวชาวปงถุนวัย 20 ปี ผู้ที่สัมผัสกับชายสูงวัยที่เดินทางมาจากเมืองย่างกุ้ง 1 ราย ก่อนจะนำเชื้อไปติดต่อกับบุคคลใกล้ชิดอีก 4 คน ตั้งแต่วันที่ 22-27 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดทางการทางการ จ.ท่าขี้เหล็ก ได้ประกาศให้ร้านค้าต่างๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ตาม 2 ข้างทางจากตลาดท่าล้อไปจนถึงสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ติดต่อกับไทย ให้ปิดร้านตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นจุดที่มีประชาชนไปใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งใช้มาตรการเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหะระหว่างเวลา 00.00-04.00 น.อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายกำลังเฝ้าติดตามมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่องหลังจากที่พบการติดเชื่้อโควิด-19 ในพื้นที่หลายรายติดต่อกัน
ขณะที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้ควบคุมตัว 3 พ่อแม่ลูกถือบัตรหัวศูนย์ หลบหนีเข้าเมืองผ่านลำน้ำสายชายแดนไทย-เมียนมา มาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ในช่วงที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีการปิดพรมแดนป้องกันไวรัสโควิด-19 เข้าพักอาศัยในบ้านพักแห่งหนึ่งในเขต ต.โป่งผา อ.แม่สาย
จากการสอบสวนเบื้องต้นทั้งหมดให้การว่าตามปกติอาศัยอยู่บริเวณชายแดนทั้ง 2 ฝั่งประเทศ และข้ามมารับจ้างก่อสร้างในฝั่งไทย เมื่อมีการปิดด่านจึงได้ลักลอบข้ามลำน้ำสายตรงช่องทางธรรมชาติพื้นที่หมู่บ้านเวียงหอม หมู่ 4 ต.แม่สาย ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นได้ไปพักอยู่ที่หมู่บ้านที่เป็นโครงการของรัฐแห่งหนึ่งที่ ต.โป่งผา
ทางเจ้าหน้าที่ ศปก.อ.แม่สาย เห็นว่าครอบครัวนี้ถือบัตรหัวศูนย์ที่ทางราชการไทยออกให้ จึงมอบหมายให้อาสารักษาดินแดน (อส.) นำทั้งหมดส่งไปกักดูอาการที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นศูนย์กักดูอาการในพื้นที่หรือ Local Quarantine แล้ว
ทั้งนี้ในปัจจุบันยังคงมีความพยายามจะผู้ที่จะลักลอบข้ามฝั่งมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีกระแสว่ามีกลุ่มคนที่ให้การช่วยเหลือกลุ่มคนดังกล่าวแลกกับค่าจ้างหัวละ 7,000-12,000 บาท ขณะที่คนทั้ง 2 ฝั่งประเทศต่างเป็นเครือญาติและบางคนมีบ้านอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง รวมทั้งต้องการมาใช้ระบบสาธารณสุขหรือทำงานในฝั่งไทยด้วย
เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น.ที่ผ่านมา(27 พ.ย.) กองร้อยทหารพรานที่ 3302 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 ได้จับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวเข้าไทยบริเวณบ้านเฉลิมราช ตำบลปอน อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน
โดยพบว่าผู้นำพาชาวไทย 3 คน ใช้รถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน คือ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 4423 น่าน และหมายเลขทะเบียน บน 873 น่าน นำคนต่างด้าวชาว สปป.ลาว มาด้วย 8 คน เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมรถยนต์ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.งอบ ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป