พระนครศรีอยุธยา - พ่อแม่แห่โลงศพน้องครีม ลูกสาววัย 11 ขวบ มาเรียกร้องความเป็นธรรมขอความชัดเจนหลังผ่านมาแล้ว 86 วัน ไม่มีความคืบหน้า หลังทางโรงเรียนฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ขณะเด็กมีไข้สูง 39 องศา
จากกรณีเหตุการณ์ นายสุรพจน์ สุขขะ อายุ 31 ปี และ น.ส.รุ่งทิพย์ ทองพูน อายุ 31 ปี พ่อและแม่ทำใจไม่ได้ ลูกสาวคนเดียว น้องครีม หรือ ด.ญ.อริสรา สุขขะ วัย 11 ขวบ ทางโรงเรียนฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก แต่เด็กมีไข้สูง 39 องศา ให้นอนพักแล้ว แต่ก็ยังฉีดวัคซีนให้ จนเด็กมีการอาเจียน แน่นหน้าอก พาไป รพ.แพทย์ตรวจหาไข้เลือดออกไม่พบ ให้กลับมาพักฟื้น อาเจียนหนักจนฟุบและเสียชีวิต ครอบครัวเชื่อเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (24 พ.ย.) ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสุรพจน์ สุขขะ อายุ 31 ปี และ น.ส.รุ่งทิพย์ ทองพูน อายุ 31 ปี พร้อมครอบครัวและญาติพี่น้อง แห่โลงศพน้องครีม หรือ ด.ญ.อริสรา สุขขะ วัย 11 ขวบ ที่เสียชีวิต มาเรียกร้องความเป็นธรรม และความชัดเจนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังผ่านมาแล้ว 86 วัน ไม่มีความคืบหน้าหรือสรุปผลว่าลูกสาวเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร และไม่มีหน่วยงานไหนออกมารับผิดชอบ ซึ่งไม่มีความชัดเจน โดยวันนี้นำโลงศพ และป้ายขอความเป็นธรรม แห่จาก วัดโพธิ์ทองหนองจิก หมู่ 4 ตำบลกระทุ่ม อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สถานที่ตั้งสวดอภิธรรมศพ
โดยมี นายเทพศักดิ์ อังคณาวิศัลย์ เภสัชกรเชี่ยวชาญ ด้านเภสัชสาธารณสุข นายประกิจ โพธิอาศน์ หัวหน้ากลุ่มงานประกันสุขภาพ นางชลดา บุญเกษม ผู้ประสานงานหลักประกันสุขภาพ หัวหน้าหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนอื่นที่เป็นอิสระจากผู้ร้องเรียน ตาม ม.50 (5) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมพูดคุยเจรจา ใช้เวลาเจรจากว่า 3 ชั่วโมง
นายประกิจ โพธิอาศน์ หัวหน้ากลุ่มงานประกันสุขภาพ กล่าว่า เราเคยทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจราจรคู่กันระหว่างภาคประชาชนกับภาครัฐเพื่อความมั่นใจว่าไม่ได้เข้าข้างใครแน่นอน แล้วเอาผู้ที่มีส่วนได้เสียจริงๆ มาเข้าสู่กระบวนการซึ่งเราทำมาแล้ว รอบนี้เป็นรอบที่ 3 แต่ที่ผ่านมาเป็นการเข้าใจกันคลาดเคลื่อนเราคิดว่าเขาฟ้อง แต่มาวันนี้เราเข้าใจแล้วเขาอยากจะพูดคุยต่อ ก็เลยมีการนัดกันอีกครั้งวันที่ 27 พ.ย.นี้
ด้าน นายสุรพจน์ สุขขะ อายุ 31 ปี และ น.ส.รุ่งทิพย์ ทองพูน อายุ 31 ปี พ่อและแม่ น้องครีมเปิดเผยหลังจากร่วมเจรจา ว่า วันนี้มาหาความชัดเจนและผลสรุปของการตายลูกผม ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรสักอย่างจากทางสาธารณสุข โดยให้มาพูดคุยอีกครั้งในวันที่ 27 พ.ย.นี้ และต้องให้ความชัดเจนกับเรา ถ้าไม่เช่นนั้นเราจะมาอยู่อย่างนี้ ถ้าจะต้องแห่ไปกระทรวงก็จะไป เพราะอย่างไรจะต้องให้ลูกได้รับความเป็นธรรม ผ่านมาแล้ว 86 วัน แม้แต่ผลชันสูตรจากทางแพทย์ก็ไม่ตรงกัน
สถาบันิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ระบุว่า กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการติดเชื้อ และมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจและไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ส่วนผลของสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ระบุสาเหตุการตาย กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นการฉีดวัคซีน แต่อย่างไรตาม เรามั่นใจน้องแพ้ยาอยู่แล้ว เพราะวันเดียวน้องตาย
ซึ่งก่อนหน้านี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เผยการดำเนินงานจัดการ ข้อร้องเรียนกรณีฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เสียชีวิตของเด็กหญิง อายุ 11 ปี อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาเป็นการเบื้องต้น และทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างโรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล โรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ กับผู้ปกครองเด็ก คือ บิดา มารดา และน้าสาว เพื่อทำความเข้าใจกระบวนการฉีดวัคซีน จนถึงกระบวนการรักษาพยาบาล และขั้นตอนบริการต่างๆ
โดยมีความก้าวหน้าและผลการดำเนินการจัดการข้อร้องเรียนดังต่อไปนี้ 1.สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประสานทีมสอบสวนสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี ดำเนินการสอบสวน เพื่อยืนยันการวินิจฉัย ค้นหาสาเหตุการเสียชีวิตและหาแนวทางมาตรการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ พร้อมรายงานให้คณะผู้เชี่ยวชาญพิจารณาอาการภายหลังฉีดวัคซีน เพื่อหาข้อสรุปการเสียชีวิตเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างรอผล
2.วันที่ 11 ก.ย. นำคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเข้าสู่การพิจารณา โดยอนุกรรมการ มาตรา 41 มีมติมอบเงินช่วยเหลือเบื้องตันให้ผู้รับบริการ และเมื่อวันที่ 21 ก.ย. ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่มารดาผู้เสียชีวิต เป็นจำนวนเงิน 400,000 บาท 3.วันที่ 2 ต.ค. ดำเนินการเจรจาไกลเกลี่ยรอบ 2 ระหว่างผู้ปกครองและบุคลากรผู้เกี่ยวข้อง ข้อตกลง คือ หากทราบผลการชันสูตรศพแล้ว ผู้ร้องเรียนอาจตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล หรือนำผลการชันสูตรศพมาเจรจาไกลเกลี่ยกันอีกครั้ง เพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาร่วมกัน