เจ้าท่าพัทยาเตรียมเอาผิดรีสอร์ตรุกทะเลเกาะล้าน เผยรอเพียงผลชี้ขาดศาลปกครอง

ศูนย์ข่าว​ศรี​ราชา ​- เจ้าท่าพัทยาเตรียมเอาผิดรีสอร์ตรุกทะเลเกาะล้าน 58 ราย ระบุหากไม่เข้าเงื่อนไขตามคำสั่ง คสช. หรือสร้างเพื่ออยู่อาศัยก่อนปี 37 พร้อมเอาผิดตามคำสั่งศาลปกครอง เผยขณะนี้รอเพียงผลพิพากษาชี้ขาด

จากกรณีที่​สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ได้ลงสำรวจพื้นที่เกาะล้านจนพบว่ามีอาคารที่พักอาศัย และรีสอร์ตหรือที่พักด้านการท่องเที่ยวก่อสร้างรุกล้ำพื้นที่ในทะเลมากถึง 58 ราย แยกเป็นรีสอร์ตเพื่อการท่องเที่ยวจำนวน 28 ราย บ้านพักอาศัย 15 ราย ระเบียงทางเดินเท้า 6 ราย ระเบียงไม้ 2 ราย สะพานทางเดิน 2 ราย ลานอเนกประสงค์ 2 ราย และบ่อเลี้ยงปลาอีก 1 ราย และถือว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายตามมาตรา 17 ของ พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทยนั้น

วันนี้ (11 พ.ย.)​ นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าภูมิภาค สาขาพัทยา ได้เปิดเผยถึงปัญหาการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยและรีสอร์ตล่วงล้ำลำน้ำว่า เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ และยังทำให้วิถีชุมุชนในท้องถิ่นหลายแห่งได้รับความเดือดร้อน

และหลังจากที่มีการประกาศบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับการที่ คสช.ได้มีคำสั่งที่ 32/2560 ให้ผู้ปลูกสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำต้องแจ้งต่อกรมเจ้าท่าภายใน 60 วัน จึงจะได้รับการนิรโทษกรรมทั้งทางอาญา และโทษทางการปกครอง รวมทั้งให้กรมเจ้าท่าพิจารณาว่าสิ่งก่อสร้างเหล่านี้จะสามารถอนุญาตขึ้นทะเบียนตามหลักเกณฑ์ได้หรือไม่นั้น


ในเรื่องนี้ เจ้าท่าจะต้องพิจารณา​ตามข้อกำหนดของระเบียบว่าผู้ประกอบการทำการก่อสร้างที่พักในรูปแบบต่างๆ ก่อนปี 2537 หรือไม่ และมีหลักฐานการขออนุญาตจากท้องถิ่นอย่างไร 

"ซึ่งหากเป็นการรุกล้ำที่เข้าข่ายการทำกินแบบวิถีชุมชน เช่น การทำกระชังปลา หรือที่อยู่อาศัยเพื่อใช้ในการพักพิง กรมเจ้าท่าก็คงไม่ติดขัดที่จะอนุญาตให้ได้ แต่หากเป็นการก่อสร้างรีสอร์ต หรือที่พักล่วงล้ำลำน้ำ และเข้าข่ายใช้ที่สาธารณะเพื่อหาประโยชน์ทางธุรกิจส่วนตัว ก็คงขัดต่อหลักเกณฑ์ที่จะอนุญาตได้"


ขณะที่การรุกล้ำลำน้ำในเขตเกาะล้าน ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมนั้น จากการลงพื้นที่สำรวจของกรมเจ้าท่า พบว่า มีการฝ่าฝืนที่เข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทยมากถึง 28 ราย และกรมเจ้าท่าได้ส่งเรื่องดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

"แต่พบว่า ผู้ประกอบการทั้ง 28 รายได้อุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลปกครองสูงสุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานและพิจารณาจากศาลว่าเข้าข่ายการกระทำผิดจริงหรือไม่ และหากศาลมีคำพิพากษาเช่นไร กรมเจ้าท่าจะดำเนินการตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดต่อไป" ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าภูมิภาค สาขาพัทยา กล่าว