สุรินทร์ - ผู้ประกอบการส่งออกสุกรมีชีวิตเข้ากัมพูชา และ สปป.ลาว 15 บริษัทนำรถบรรทุกสุกร 50 คันประท้วงขู่ปิดตายถนนทางเข้าด่านผ่านแดนช่องจอม-โอร์เสม็ด ร้องนายกฯ ตู่ และอธิบดีกรมปศุสัตว์ช่วยเหลือหลังถูกระงับการส่งออก โดยมีเพียง 5 บริษัทที่ได้รับการอนุมัติ
วันนี้ (9 พ.ย.) ที่บริเวณทางหลวง 214 ห่างจากด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร กลุ่มผู้ประกอบการค้าส่งออกสุกรมีชีวิตกับราชอาณาจักรกัมพูชา จำนวน 15 บริษัท กว่า 100 คน ได้รวมตัวนำรถบรรทุกสิบล้อ จำนวน 50 คันที่ใช้บรรทุกสุกรมาจอดริมถนนเพื่อจะทำการปิดถนนขาเข้าด่านผ่านแดนถาวรช่องจอมไม่ให้รถบรรทุกสุกรของ 5 บริษัทที่ได้รับการอนุญาตให้นำเข้าสุกรไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา และ สปป.ลาว พร้อมเขียนป้ายผ้าขอความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรี และต่อว่าผู้ที่ใส่ร้ายกล่าวหาจนกระทั่งได้รับความเดือดร้อน
มี นายเรืองยศ ลิ้มนุกูลเจริญ นายอำเภอกาบเชิง พร้อมด้วย พ.ต.อ.จุลฑะ จันทน ผกก.สภ.กาบเชิง เจ้าหน้าที่ อส.กาบเชิง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กาบเชิง และเจ้าหน้าที่ทหารประจำฐานปฏิบัติการฐานกลาง ช่องจอม ได้เดินทางมาดูแลความสงบเรียบร้อยและทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการส่งออกสุกรเพื่อไม่ให้มีการปิดถนนเพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าและนำเข้าสินค้าประเภทอื่นๆ ไปด้วย และขอให้มีการส่งออกสินค้าสุกรมีชีวิตจาก 5 บริษัทที่ได้บรรทุกสุกรมาตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะทำการส่งออก เพราะจะเกิดผลกระทบต่อสุกรที่อยู่บนรถเป็นเวลานาน สุกรอาจตายและเสียหายแก่ผู้ประกอบการทั้ง 5 ราย
ทั้งนี้ ได้ขอให้รอฟังผลการประชุมระหว่างตัวแทนผู้ประกอบการ 15 บริษัทที่กำลังเข้าพบอธิบดีกรมปศุสัตว์ที่กรุงเทพฯ เพื่อหาข้อยุติในการขอความเป็นธรรม และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการทั้ง 15 ราย ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการส่งออกสุกรมีชีวิตไปยังราชอาณาจักรกัมพูชาไม่ทำการปิดถนน และให้รถบรรทุกสุกรทั้ง 5 บริษัท จำนวน 900 ตัว ส่งออกไปราชอาณาจักรกัมพูชา และ สปป.ลาวได้ ซึ่งได้พากันจอดรถบรรทุกนั่งรอฟังผลการร้องเรียนขอความเป็นธรรม โดยยังไม่มีการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่ และไม่กระทบการต่อเดินทางและการค้าส่งออกนำเข้าแต่อย่างใด
นายกฤษณะ ยาชัยยะ ผู้ประกอบการส่งออกสุกรมีชีวิตไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา และ สปป.ลาว กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการจำนวน 15 บริษัทที่ประท้วงขอความเป็นธรรมไปถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่รับผิดชอบ และอธิบดีกรมปศุสัตว์ เพราะมีการประชุมกันที่จังหวัดสระแก้วหาข้อปฏิบัติในการส่งออกสุกรมีชีวิตไปราชอาณาจักรกัมพูชา และ สปป.ลาว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ทางหน่วยงานราชการราชอาณาจักรกัมพูชามีการกำหนดให้บริษัทเพียง 5 บริษัทสามารถส่งออกสุกรมีชีวิตไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา และ สปป.ลาว โดยมีผลในวันที่ 9 พ.ย. 63 ทำให้พวกตนทั้งผู้รับจ้างบรรทุกสุกร และบริษัทส่งออกสุกร อีก 15 บริษัทได้รับความเดือดร้อนในส่วนเงินที่นำไปจัดซื้อสุกร หรือไปมัดจำสุกรไว้แล้วได้รับความเดือดร้อนไปหมด อยากให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี อธิบดีกรมปศุสัตว์ ให้ความเป็นธรรมแก่พวกตนด้วย
ที่ผ่านมาการส่งออกสุกรไปราชอาณาจักรกัมพูชา และ สปป.ลาว เราปฏิบัติตามระเบียบทางด้านศุลกากร ทางด้านสาธารณสุข และด้านการปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด จึงต้องขอความเห็นใจ ขอความเป็นธรรมไม่ให้มีการผูกขาด แต่กลับยังกำชับให้มีการอำนวยความสะดวกให้แก่ 5 บริษัทที่ส่งออกสุกรเป็นอย่างดีอีกด้วย
