บุรีรัมย์ - ลูกสาวร้องตรวจสอบ แม่ส่งเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ อสม.อ.เมืองบุรีรัมย์ นาน 16 ปี แต่พอเสียชีวิตไปยื่นเรื่องขอรับเงินสงเคราะห์ศพ กลับบอกไม่มีชื่อจึงไม่ได้เงิน ต้องกู้เงินมาจัดงานศพแม่ ด้านตัวแทนกองทุนฯ หอบหลักฐานชี้แจงยันไม่มีชื่อในระบบและไม่มีหลักฐานการส่งเงินสมทบ พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง เชื่อมีการยักยอก
วันนี้ (25 ต.ค.) น.ส.ชลธิดา ชมภูกุล อายุ 44 ปี ชาวบ้านหมู่ 17 ต.บ้านยาง อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่นางทองเพียร ชมภูกุล อายุ 75 ปี ผู้เป็นแม่ซึ่งเป็น อสม.มาตั้งแต่ปี 2535 และสมัครเป็นสมาชิกกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ตั้งแต่ปี 2547 พร้อมส่งเงินสมทบมาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันรวม 16 ปี โดยล่าสุดส่งเมื่อปี 2562 จำนวน 610 บาท
แต่พอวันที่ 25 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมา แม่ได้เสียชีวิตลงด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด แต่พอนำหลักฐานการเป็นสมาชิกและสมุดการส่งเงินสมทบตั้งแต่ปี 2547-2562 ไปยื่นเรื่องเพื่อขอรับเงินสงเคราะห์ศพตามสิทธิ ซึ่งควรจะได้เงินจำนวน 67,100 บาท แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าไม่มีชื่อของแม่อยู่ในระบบจึงไม่สามารถรับเงินสงเคราะห์ได้ ก็รู้สึกแปลกใจทั้งที่ส่งเงินสมทบตามกติกาทุกปี ตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำยังเพราะหวังว่าจะได้เงินสงเคราะห์ดังกล่าวมาจัดงานศพแม่ จึงต้องไปกู้ยืมเงินมาจัดงานศพให้และยังไม่รู้จะหาเงินไหนไปใช้หนี้ตอนนี้เดือดร้อนมาก จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าทำไมไม่มีชื่อในระบบแล้วเงินสมทบที่ส่งไปหายไปไหน
ด้านนางเจียม กบินรัมย์ ประธาน อสม.หมู่บ้าน ก็ออกมายืนยันว่า ได้นำเอกสารใบสมัครพร้อมเงินสมทบที่ได้รับจากทายาทของนางทองเพียร ผู้เสียชีวิตไปส่งให้ประธาน อสม.ระดับตำบลแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรถึงไม่มีชื่อของยายในระบบ และไม่มีใบเสร็จการส่งเงินให้กับกองทุนฯ ก็อยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย
ขณะที่นายธัญญา ปะวรรณรัมย์ ประธานชมรม อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์ และผู้รับผิดชอบกองทุนฯ ก็ได้หอบเอกสารหลักฐานไปชี้แจงต่อ น.ส.ชลธิดา ผู้ร้อง พร้อมยืนยันว่าทางกองทุนฯ ไม่ได้รับใบสมัครและเงินสมทบกรณีของนางเพียรเข้ามาในระบบ จึงไม่สามารถจ่ายเงินสงเคราะห์ให้ได้เนื่องจากไม่มีหลักฐาน แต่จากการสอบถามผู้ร้อง และประธาน อสม.หมู่บ้านก็ยืนยันว่าได้ส่งเอกสารและเงินสมทบให้ ประธาน อสม.ตำบลแล้ว ซึ่งก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีความผิดพลาดหรือมีการยักยอกเงินหรือไม่อย่างไร หากมีการยักยอกเงินจริงก็ต้องมีการแจ้งความเอาผิดตามขั้นตอน พร้อมทั้งจะได้หาแนวทางช่วยเหลือทายาทของ อสม.ที่เสียชีวิตรายดังกล่าวด้วย
นายธัญญายังระบุอีกว่า เงื่อนไขกติกาการสมัครเป็นสมาชิกกองทุนฯ ที่มีมติเปลี่ยนแปลงใหม่ เริ่มใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 63 คือ สมาชิกทั้งเก่าและใหม่ ต้องเขียนใบสมัครเป็นสมาชิกและส่งเงินสงเคราะห์ศพล่วงหน้า 30 ศพๆ ละ 20 บาท ค่าบำรุง 10 บาท โดยในใบสมัครถูกออกแบบให้มีผู้รับผลประโยชน์ชัดเจน (เพื่อแก้ไขปัญหาในอดีตที่มีการเบียดบังรับผลประโยชน์) ที่สำคัญใบสมัครจะต้องลงชื่อผู้สมัคร, ผอ.รพ.สต. และประธานอำเภอหรือผู้รับผิดชอบกองทุนฯ เป็นผู้ลงนาม
ทั้งนี้ การส่งเงินสงเคราะห์ล่วงหน้า ต้องส่งผ่านประธาน อสม.ระดับหมู่บ้าน แล้วส่งต่อประธานตำบล ก่อนจะรวบรวมส่งให้กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์ แล้วทางกองทุนฯ ก็จะออกใบเสร็จให้เป็นหลักฐาน