กาญจนบุรี - ครูปรีชา เตรียมปรึกษาทนายหวังยื่นฎีกา ยันความจริงก็คือความจริง ต้องมาก่อนความเชื่อ ด้านหมวดจรูญประกาศลั่น เตรียมฟ้องกลับครูปรีชา พร้อมพยานเอกยกแผง ชี้ศาลคืนความเป็นธรรมให้แล้ว จากนี้จะขอความเป็นธรรมคืนบ้าง
จากกรณีสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 หมายเลข 533726 ซึ่งทาง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เป็นผู้นำสลากฯ จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาทไปขึ้นเงินรางวัลที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยเช้าวันนี้ (20 ต.ค.) ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดียืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้อง “หมวดจรูญ” ข้อหายักยอกทรัพย์และรับของโจร เนื่องจาก “ครูปรีชา” ผู้เป็นโจทก์ ไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.10 น.นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา โจทก์ พร้อมด้วยนายวชิระ ทานท่า ทนายความ พร้อมทีมงาน ได้ออกมาจากห้องพิจารณาคดี โดยมีสื่อมวลชนรอรายงานข่าวเป็นจำนวนมาก จากการสังเกตพบว่า นายปรีชา ไม่ได้มีสีหน้าที่เคร่งเครียดแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายปรีชา ใคร่ครวญ เผยว่า ตนเองต้องขอขอบคุณศาลอุทธรณ์ภาค 7 และเคารพในคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ แต่เราก็ต้องใช้สิทธิตามกฎหมายต่อไป คือเราจะนำประเด็นต่างที่ไม่เห็นด้วยไปปรึกษากับทนายความ เพื่อมาดูว่ามันบกพร่องตรงจุดไหนในการอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องหมวดจรูญ ตรงนี้ครูยังยืนยันว่าลอตเตอรี่นั้นเป็นของครูอยู่หรือไม่ ครูปรีชาตอบว่า อย่างที่ได้เรียนไปแล้วว่า ผมเคารพในคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ภาค 7 แต่มีอยู่บางประเด็นที่จะต้องนำไปปรึกษากับทนายความ ที่เราจะต้องใช้สิทธิตามกฎหมายต่อไป เพราะความจริงก็คือความจริง
ด้าน นายวชิระ ทานท่า ทีมงานทนายความ ที่มาร่วมรับฟังคำพิพากษา กล่าวว่า วันนี้เรามาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นไปตามที่ครูปรีชา ชี้แจงว่า เราเคารพในคำตัดสิน แต่ทั้งนี้ เรายังไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาในหลายประเด็น ดังนั้น เราคงจะต้องใช้สิทธิในการยื่นฎีกาต่อไป
โดยจะต้องนำรายละเอียดไปปรึกษากับทางทีมทนายความอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในหลักตามกระบวนกฎหมายแล้วเรายังสามารถที่จะใช้สิทธิยื่นฎีกาได้ หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาออกมา เราสามารถยื่นฎีกาได้ภายในเวลา 30 วัน สำหรับข้อกำหนดในการยื่นฎีกา เนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษจำคุก 3 ปี ซึ่งอันที่จริงแล้วตามกฎหมายห้ามไม่ให้ฎีกา แต่ก็มีข้อยกเว้นที่จะทำให้เราสามารถฎีกาได้อยู่
ต่อมาเวลา 11.20 น. ร.ต.ท.จรูญ วิมูล พร้อมนายนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความส่วนตัว รวมทั้งนางลาวัล วิมูล นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความ และลูก รวมทั้งแฟนคลับของหมวดจรูญ ก็ได้ออกมาจากบัลลังก์ ซึ่งพบว่าทุกคนมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยเฉพาะหมวดจรูญ และภรรยา รวมทั้งลูกสาว
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้เน้นเรื่องของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะคลิปเสียงตั้งแต่วันที่ 27-28 พ.ย.ปี 60 จนมาถึงต้นเดือน ต.ค.ท่านเอามาพิพากษาหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณโทรศัพท์ว่าขณะนั้นครูปรีชา อยู่ที่ไหน และคลิปเสียงในวันที่ 31 ต.ค.60 ที่ครูปรีชาอ้างว่าไปตลาดเรดซิตี้ ซึ่งคลิปเสียงบอกอย่างชัดเจนว่า ครูปรีชาออกจากโรงเรียนแล้วเดินทางไปรับลูกที่โรงเรียน ซึ่งมีคลิปเสียงอยู่ตลอดเส้นทาง โดยเบสสัญญาณโทรศัพท์จับได้ทุกช่วงเวลาของการเดินทาง
การที่ฝ่ายของครูปรีชา เขียนอุทธรณ์ไปนั้น มันมีอุทธรณ์บางข้อที่เขายอมรับข้อเท็จจริงไป ทำให้ศาลอุทธรณ์ไม่จำเป็นต้องไปพิจารณาคำพิพากษาอะไรมาก เช่น เรื่องการใช้โทรศัพท์ เขาไม่ได้มาต่อสู้คดีว่าการใช้โทรศัพท์นั้นมันคลาดเคลื่อนอย่างไร แต่กลับยอมรับสารภาพว่าใช้โทรศัพท์คุยกับคนโน้นคนนี้จริง แต่อ้างว่าคุยที่ตลาดเรดซิตี้ก่อน
ศาลมองว่ามันขาดกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และขัดกับหลักฐานที่ทางกองปราบได้มีการจำลองเหตุการณ์ในช่วงระยะเวลาที่ไม่สามารถเดินทางมาที่ตลาดเรดซิตี้ได้ทันในระยะเวลาไม่กี่นาที ซึ่งตนจำได้ว่าตอนที่กองปราบจำลองเหตุการณ์พบว่าครูปรีชา ใช้เวลาที่ตลาดเรดซิตี้ร่วม 20 นาที ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่ครูปรีชา จะสามารถไปได้ศาลจึงเห็นว่าคำอุทธรณ์ ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะต้องนำมาวินิจฉัยด้วยซ้ำ จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ส่วนสาเหตุที่เมื่อสักครู่ที่ออกมาจากศาลช้า เพราะได้ไปตรวจสำนวนที่เราได้มีการฟ้องเอาไว้ คือ ฟ้องครูปรีชา เจ๊พัช และเจ๊บ้าบิ่น เกี่ยวกับเรื่องการเบิกความเท็จ ในช่วงขั้นตอนที่เขาขออายัดเงินหมวดจรูญ เอาไว้ ซึ่งเราคิดว่าการเบิกความตอนนั้นมันไม่ตรงกับความเป็นจริง และเราเคยฟ้องเขาในเรื่องการเบิกความเท็จเอาไว้เราจึงไปตรวจสำนวน ซึ่งในสำนวนบอกเอาไว้ว่าถ้าคดีมันถึงที่สุดก็หยิบยกคดีขึ้นมาใหม่
อีกหนึ่งสำนวนเกี่ยวกับเรื่องของการฟ้องเท็จ ซึ่งก็คือคดีที่ศาลยกฟ้องในวันนี้ ซึ่งได้ฟ้องครูปรีชา และนายวรยุทธ ทนายของครูปรีชาเอาไว้ ซึ่งคดีนี้เพิ่งขึ้นศาลเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายครูปรีชา ขอเลื่อนคดีออกไปโดยอ้างว่าขอรอฟังคำพิพากษาในคดีหลัก ซึ่งในวันนี้ศาลก็ได้มีคำพิพากษาออกมาแล้ว
กระบวนการพิจารณาก็คงจะดำเนินต่อไปได้เกี่ยวกับการฟ้องเท็จเพื่อกลั่นแกล้งหมวดจรูญ ให้ได้รับโทษทางอาญา ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางครูปรีชากำลังหาช่องทางในการยื่นฎีกาสามารถทำได้หรือไม่ ทนายตั้มตอบว่า ต้องบอกก่อนว่าคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้ว คดีนี้เป็นคดีต้องห้ามฎีกา แต่ถ้าเกิดว่าใครจะก็สามารถขออนุญาตศาลท่านได้ แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าศาลท่านจะอนุญาตหรือไม่
ตนคิดว่าคดีนี้คงจะจบแล้ว จากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับ นายจรูญ แล้วว่าจะเอาอย่างไรต่อไป แต่ที่ผ่านมาเราได้ฟ้องไปแล้ว 2 สำนวน คือเรื่องฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ แต่เรื่องเบิกความเท็จซึ่งเป็นคดีอาญา ที่จะเอาหมวดจรูญ เข้าคุก ตอนนั้นเรายังไม่ได้ฟ้อง เพราะเราจะรอดูผลคำพิพากษาในวันนี้ก่อน ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับนายจรูญ แล้วว่าจะตัดสินใจฟ้องพยานคนไหนบ้าง
ด้าน ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ เปิดเผยว่า หลังจากนี้ก็คงจะต้องมีการฟ้องกลับ เพราะวันนี้ศาลได้คืนความเป็นธรรมให้ตนแล้ว ต่อไปนี้มันจะกลับมาเป็นเรื่องของตนบ้างที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม ตามที่ศาลท่านให้มา โดยจะเอาคืนจากคนที่ปั้นเรื่องปั้นราวขึ้นมาเหมือนโกหกศาล เพื่อที่จะให้ศาลลงโทษตนให้ได้ โดยเล็งฟ้องกลับทุกคนทั้งหมด ที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย