บุรีรัมย์ - ชมรม อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์พร้อมเยียวยาลูกสาว อสม.ที่ร้องขอความเป็นธรรมส่งเงินสมทบ 16 ปี แม่ตายไม่ได้เงินฌาปนกิจศพเพราะไม่มีชื่อในระบบ ด้านผู้ร้องพอใจยันไม่เดินหน้าร้องเรียนอีกไม่อยากให้เรื่องบานปลาย
วันนี้ (28 ต.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.ชลธิดา ชมภูกุล อายุ 44 ปี ชาวบ้านหมู่ 17 ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจาก นางทองเพียร ชมภูกุล อายุ 75 ปี ผู้เป็นแม่ซึ่งเป็น อสม.มาตั้งแต่ปี 2535 และสมัครเป็นสมาชิกกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ตั้งแต่ปี 2547 พร้อมส่งเงินสมทบต่อเนื่องมาเป็นเวลา 16 ปี แต่พอวันที่ 25 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมาแม่ได้เสียชีวิตลง แต่พอนำหลักฐานไปยื่นเรื่องเพื่อขอรับเงินสงเคราะห์ศพตามสิทธิซึ่งควรจะได้เงิน 67,100 บาท แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าไม่มีชื่อของแม่อยู่ในระบบ จึงไม่สามารถรับเงินสงเคราะห์ศพได้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนต้องไปกู้ยืมเงินมาใช้ในการจัดงานศพ
ล่าสุด นายเอกวัฒน์ พวงประโคน ปลัดอาวุโส รักษาการนายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายสุเทพพันธุระ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอเมืองบุรีรัมย์ นายธัญญา ประวรรณรัมย์ ประธานชมรม อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ตัวแทนกองทุนฌาปนกิจ อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ประธาน อสม.ตำบล ประธาน อสม. และ น.ส.ชลธิชา ชมพูกุล ผู้ร้อง ได้มีการพูดคุยถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นพร้อมหาทางออกร่วมกัน ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านยาง
จากการพูดคุยพบข้อเท็จจริงว่า นางชลธิชา ผู้ร้องได้แจ้งด้วยวาจาว่าได้ส่งเอกสารใบสมัครพร้อมเงินสมทบให้ประธาน อสม.หมู่บ้านเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จากนั้นประธาน อสม.หมู่บ้านได้นำเอกสารพร้อมเงินดังกล่าวไปวางไว้ที่โต๊ะใน รพ.สต. จึงเข้าใจว่ามีการส่งเอกสารให้กับ อสม.ตำบล และอำเภอแล้ว จึงเห็นว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่อาจเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนเท่านั้น ไม่ได้เกิดจากเจตนา
นายธัญญา ประวรรณรัมย์ ประธานชมรม อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวที่ประชุมจึงมีข้อสรุปว่า ควรมีการเยียวยาให้ น.ส.ชลธิดา ลูกสาวนางทองเพียร อสม.ที่เสียชีวิต ใน 2 ระดับ คือ อสม.ระดับตำบล และระดับอำเภอ ส่วนวงเงินในการเยียวยาจะมีการประชุมหารือกันอีกครั้งในวันที่ 6 พ.ย. 2563
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก ทางชมรม อสม.ระดับจังหวัดจะมีการเรียกประชุมประธาน อสม.ทั้งจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอีก แต่จุดมุ่งหมายสำคัญของชมรม อสม.คือดูแลซึ่งกันและกัน เพราะ อสม.ทุกคนเสียสละทำงานด้วยจิตอาสาอยู่แล้ว
ขณะที่ น.ส.ชลธิดา ผู้ร้อง พอใจและยอมรับการเยียวยาจากทางชมรม อสม. ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อยากให้เรื่องบานปลายอยู่แล้ว ที่ออกมาร้องเพราะอยากได้รับความเป็นธรรมเท่านั้นเพราะแม่ของตนเองก็ส่งเงินสมทบมานานถึง 16 ปีแล้วแต่พอเสียชีวิตกลับไม่ได้รับเงินฌาปนกิจศพ แต่หลังจากทางชมรมฯ รับปากจะเยียวยาก็ดีใจ และยืนยันว่าจะไม่เดินเรื่องร้องเรียนต่ออีก