ราชบุรี - ครูโรงเรียนดังจังหวัดราชบุรีเกษียณอายุข้าราชการช้า เหตุเพราะวันเดือนปีเกิด ไปเกิดหลังจากแม่เสียชีวิตแล้ว เจ้าตัวถาม ตนจะเกิดหลังแม่เสียได้อย่างไร
วันนี้ (31 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ จ.ราชบุรี ถึงกับงงต้องเกษียณอายุราชการครูช้า เพราะพ่อแจ้งเกิดผิด จึงรวบรวมหลักฐานขอแก้ไขปีเกิดกับทางอำเภอ เพื่อให้เกิดความถูกต้องในระบบราชการ จนสามารถแก้ไขประวัติปีเกิดให้ถูกต้องเรียบร้อย แต่เมื่อขอแก้ไขประวัติปีเกิดกับทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8 ( สพม.8 ) กลับมีมติจากคณะกรรมการ ก.ค.ศ.ให้ยึดถือปีเกิดเดิม ที่มีการลงประวัติกับ(ก.ฟ.7)ไว้แต่แรก ทำให้ตนเองต้องเกษียณอายุราชการครูช้ากว่าอายุจริงถึง 4 ปี ยันใบมรณะบัตรแม่เสียชีวิตปี พ.ศ.2504 แต่ใบเกิดตนเองเกิด ปี พ.ศ. 2506 พร้อมยื่นคำถามว่า"ตนเองจะเกิดหลังแม่เสียชีวิตได้อย่างไร"
โดยเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยจาก นายสราวุฒิ ลิ้มติ้ว อายุ 59 (ตามวันเดือนปีเกิดจริง) ซึ่งเป็นครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ จ.ราชบุรี อยู่บ้านเลขที่99/41 ม.5 ต.โคกหม้อ อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้เปิดเผยว่า ตนเกิดที่บ้านเลขที่ 5 ม.7 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2503 ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะสมัยผมเป็นเด็กผมเกิดในชนบท บ้านก็อยู่ห่างจากอำเภอ 10 กว่ากิโล ผมคลอดที่บ้านปู่ แล้วพ่อได้ทำการแจ้งไปยังสำนักงานทะเบียนราษฎร์ของหมู่บ้านผ่านทางกำนันผู้ใหญ่บ้าน ชื่อก็จะไปรวมอยู่ที่สารวัตรกำนัน ไม่ทราบว่าสารวัตกำนันทำผิดพลาดยังไง
โดยผิดพลาดหลายคนที่ไม่ได้ส่งชื่อคนที่แจ้งเกิดมาใหม่ มาที่อำเภอ ชื่อจึงตกจากทะเบียนราษฎร์ออกไป ผมเกิดตั้งแต่ปี2503 จนมาปี 2506 ได้มีเจ้าหน้าที่ไปสำรวจ ให้ไปสำรวจว่าบ้านไหนบ้างที่มีเด็กเกิดมาแล้วไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน พ่อจึงแจ้งเกิดในวันที่ 20 พ.ย. 2506 ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว ผมเกิดปีชวด 2503 แม่ที่ให้กำเนิดผมมาได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 2504 วันที่ 27 ก.ค. พอมีการสำรวจก็แจ้งเกิดไปตามนั้น ไม่ได้คิดว่าจะมีปัญหาตามมาในอนาคต
จนสุดท้ายมาเป็นข้าราชการมันจึงเกิดข้อขัดแย้ง คือผมเกิด2506 แม่เสีย 2504 ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ที่จะเกิดหลังที่แม่ตาย อีกอย่างหนึ่งในสูติบัตรก็แจ้งเป็น 2506 ในการรับราชการจะต้องเกษียณราชการอายุ60 ปี ปรากฏว่าจะต้องเกษียณราชการเกินความเป็นจริงไปอีก4 ปี ตามหลักทะเบียนราษฎร์ จึงอยากทำให้ข้อมูลมันถูกต้อง จึงได้เริ่มดำเนินการตอนที่ไปอยู่ในทะเบียนบ้านในเทศบาลหลักเมือง ได้มาติดต่อทางอำเภอว่า จริงๆเกิด 2503 จะทำอย่างไร ให้ข้อมูลมันถูกต้อง โดยมีใบมรณะบัตรของแม่ที่เป็นสิ่งยืนยันว่าแม่ตายในปี 2504
พร้อมทั้งนำ ป้า ผู้ใหญ่บ้าน พ่อ มาที่อำเภอ เจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร์ ของเทศบาลหลักเมืองก็ได้ยอมรับและทำการไต่สวน โดยแก้ไขเป็นพ.ศ.เกิด จาก 2506 เป็น 2503 แต่วันที่เกิดไม่ทราบแน่ชัด จึงไม่มีการแก้ไข ต่อมาจึงอยากให้หลักฐานราชการถูกต้องด้วย จึงยื่นเรื่องแก้ไข วันเดือนปีเกิดไปยัง สพม. 8 คณะกรรมการเมื่อเห็นหลักฐานทุกอย่างเรียบร้อย จึงพิจารณาให้มีมติให้เกษียณตาม กพ.7 เดิม ยึดวันที่ 20 พ.ย.2506 เป็นวันเกิด จึงต้องเกษียรในปี 2567 จริงๆอยากจะเกษียรให้เร็วขึ้นตามอายุจริงๆ แต่เมื่อพิจารณาแล้วมีมติมาอย่างนี้ ก็มีหนังสือจากทาง สพม. 8 ก็ยอมรับในมติของเขา
ในปัจจุบันนี้ยังไม่สามารถทำเรื่องเบิกตรงให้พ่อได้เลย เพราะการเป็นพ่อไม่เหมือนเป็นแม่ ถ้าแม่อยู่พ่อตายของเราสามารถจดทะเบียนเป็นบุตรแม่ได้เลยและให้แม่เบิกตรงได้เลย พ่อจะต้องไปร้องศาลให้ศาลเป็นคนสั่ง ทุกวันนี้การเบิกของพ่อก็คือจ่ายเงินสดไปก่อนแล้วเบิกกับต้นสังกัดทีหลัง เบิกตรงยังไม่ได้ เพราะฉะนั้นผลประโยชน์ที่เราควรจะได้ย้อนกลับไปก็ไม่ได้อย่างที่เราต้องการ
ทั้งนี้ อยากกล่าวถึงคณะกรรมการ ก.ค.ศ.ที่พิจารณาตรงนี้ ตนมีความประสงค์ที่จะเกษียณ เร็วตามอายุจริงของผม ผมมีจิตใจที่บริสุทธิ์ที่ส่งเรื่องไปทางคณะกรรมการ ก.ค.ศ.เห็นแล้ว พิจารณาแล้วผมก็ยอมรับในมติของท่าน แต่ในความเป็นจริงผมจะเกิดหลังแม่ตายได้อย่างไร อันนี้น่าจะเป็นหลักฐานที่ทาง ก.ค.ศ. น่าจะพิจารณาแต่ผมก็ยอมรับในมติของท่าน แต่ถ้าแก้ไขได้ก็ยังอยากแก้ไขให้ตรงตามความเป็นจริง