นายกฯ มอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัลปี 62 กำชับภาครัฐปรับเปลี่ยนลดภาระประชาชน แนะแก้รูปบัตร ปชช.ไม่ตรงปก อ่านบัตรไม่ผ่าน ย้ำภัยไซเบอร์อันตรายจำเป็นตั้งศูนย์เฟกนิวส์ ขออย่ากลัวรัฐบาลล้วงข้อมูล ขู่เล่นงานคนแรกที่ส่งข้อมูลเท็จ บอกต้องการกำลังใจ แต่ไม่ยอมแพ้ วอนคนไทยหยุดขัดแย้งซ้าย-ขวาร่วมเดินหน้าประเทศ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (30 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานและมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล ในงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัลประจำปี 2562 และสัมมนา หน่วยงานภาครัฐกับความพร้อมไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล Digital Government Award 2019 พร้อมกับแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่องรัฐบาลดิจิทัลกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลพยายามปรับเปลี่ยนหน่วยงานให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล เพราะโลกกำลังเปลี่ยนไปสู่นวัตกรรม และเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของประเทศอย่างรวดเร็ว รัฐบาลมีมาตรการรองรับ พร้อมกับระบุว่าสิ่งที่ทำมาทุกวันนี้ทำมากว่า 5 ปี ตนอยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่าจำเป็นต้องสื่อสารงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเกิดความก้าวหน้า และต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่ตอบสนองการเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยยกเลิกสำเนาบัตรประชาชน ลดภาระให้ประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ทุกคนต้องร่วมมือกันในการปรับทัศนคติในการทํางาน เรียนรู้ในเรื่องของการใช้เทคโนโลยี นำมาแก้ไขข้อขัดแย้งความซึ่งความท้าทายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนองค์กร บุคลากร และความทุ่มเทจากทุกองค์กรที่เกี่ยวข้อง ตนเชื่อว่าทุกคนมีความมุ่งมั่นเป็นรัฐบาลดิจิทัลมาปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และตนเป็นขอเป็นกำลังใจและพร้อมที่จะสนับสนุนให้ทุกคนในรูปแบบต่างๆ และการพัฒนาสู่เป็นรัฐบาลดิจิทัลเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป ซึ่งหากไม่เตรียมตัวก็จะอยู่ต่อไปไม่ได้จะใช้วิธีการเก่าไม่ได้อีกแล้วทั้งเรื่องภาษีต่างๆ รวมไปถึงการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ วันนี้เป็นความร่วมมือในแบบดิจิทัล การนำสิ่งเหล่านี้มาต้องแก้ทุกอย่างความร่วมมือกฎหมายก็ต้องพร้อมในการรองรับเทคโนโลยีเหล่านี้ขนาดเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้จำเป็นต้องหาคนใหม่เข้ามาบริหารจัดการในเรื่องเครื่องมือเทคโนโลยีเหล่านี้ด้วย จึงขอให้นำไปปรับใช้ในแผนการเกษียณอายุราชการในแต่ละปีด้วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียก็แรง อยากให้ทุกคนเอาใจใส่ในการรับฟังข้อมูลสิ่งที่รัฐบาลคิด โดยยืนยันว่าการทำงานของรัฐบาลไม่ใช่ว่าคิดเองทำเองต่างๆ หรือไม่ใช่การเก็บข้อมูลจากสื่อราชการอย่างเดียว ตนต้องถามประชาชนว่าต่องการอะไร หากมัวแต่ดึงกันไปเดินกันมาก็เดินหน้าไปไม่ได้ ซึ่งนับวันงบประมาณจำกัดขึ้นทุกปี แต่ต้องใช้งบประมาณในการบริหารจำนวนมาก อย่างปัญหาการใช้เส้นทาง ที่ต้องสำรวจว่าเส้นทางใดมีคนใช้บริการขนาดไหน แล้วต่อไปอาจจะต้องเช็กข้อมูลในการบริหารหน่วยแสดงมีการเรียกร้องให้ซ่อมมากที่สุด รวมถึงข้อมูลจากหน่วยงานระดับพื้นที่ว่าจุดใดซ่อมบำรุงไม่เคยซ่อมเลย ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะตีแผ่ไปหมด งบประมาณก็ไม่พอ หน่วยงานก็ได้ไปคนละหน่อย ไม่สามารถซ่อมได้ ตนคิดว่าต้องใช้ในลักษณะนี้การบริหารราชการในอนาคต นอกจากนี้ ฝากให้มีการปรับเปลี่ยนการถ่ายรูปบัตรประชาชน เพราะบางคนถ่ายมาแล้วไม่ตรงกับตัวจริง หน้าไม่เหมือนในรูป ทำให้บางครั้งในการลงทะเบียนไม่อ่านบัตรทั้งที่เป็นคนเดียวกัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะเดียวกันการเดินหน้าสู่ดิจิทัล สิ่งที่ตามมาคือภัยไซเบอร์ ซึ่งวันนี้ได้มีการจับกุมกันบ้างแล้ว และได้มีการจัดตั้งศูนย์เฟกนิวส์ ที่ทุกคนต้องช่วยกันดูว่าสิ่งใดเป็นข้อมูลเท็จ ย้ำว่าอย่ากลัวว่ารัฐบาลจะเป็นล้วงข้อมูลว่าใครจะคุยกับใคร แต่จะเล่นงานคนแรกที่ส่งต่อข้อมูลที่เป็นเท็จ อย่างเช่นกรณีแชร์แม่มณี ที่สร้างความเสียหายหลายหมื่นล้าน สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องสร้างการเรียนรู้ ซึ่งไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายจึงต้องมีภูมิคุ้มกัน ตนไม่โทษใคร แต่รัฐบาลต้องดูแลให้ปลอดภัย รวมถึงการค้าขายออนไลน์ที่บางอย่างไม่ปลอดภัย เช่น การขายยา จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลการโฆษณาต่างๆ เพราะอันตราย อย่างไรก็ตามตน พร้อมรับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์แต่อะไรที่เป็นการต่อว่าจำนวนมากก็จะนำมาแก้ไข ตนไม่ว่าใครและไม่โกรธใครอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ต้องพัฒนาภาครัฐแบบก้าวกระโดดวันนี้จะถอยหน้าถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว โดยต้องมีหัวหอกนำไปข้างหน้า นำพาคนซ้ายขวาเดินไป ไม่เช่นนั้นก็จะมีคนชักหอกไปด้านหลัง ถือเป็นการสร้างแนวคิดส่วนต่างๆ ให้สามารถนำพาไปข้างหน้า
“รางวัลในวันนี้ถือเป็นกำลังใจให้ทุกคน รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชา บางอย่างไม่ต้องให้เป็นเงินตอบแทนแต่ให้กำลังใจซึ่งกันและกันสำคัญที่สุด ผมเองก็ต้องการกำลังใจแต่ไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว ยิ่งมีปัญหาก็ยิ่งต้องทำ ปัญหาของประชาชนผมก็ต้องเอามาแก้ และต้องสร้างความเข้าใจไปด้วย ซึ่งการทำให้คน 70 กว่าล้านคนเข้าใจไปพร้อมกันมันยาก ทุกประเทศก็ยากเหมือนกัน วันนี้ทุกคนต้องรักกันถ้าไม่รักกันก็ไปไม่ได้ในทุกเรื่อง ขัดแย้งกันก็ไม่ได้อีกถ้าทุกคนบอกว่าจะไปซ้ายอย่างเดียว ไปขวาอย่างเดียวก็ไม่ได้ จึงต้องหาวิธีร่วมมือการเดินไปข้างหน้า เรื่องใดที่เป็นความขัดแย้งหยุดไว้ก่อนคุยกันค่อยๆ คลี่คลายกันไป ไม่ว่าใครเป็นคนไทยมันต้องไปด้วยกันให้ได้ถ้าเอาซ้ายหรือขวาเอาแต่ตัวเองมายึด มันเดินไม่ได้ประเทศ” นายกฯ กล่าว