ลำปาง - ปลัดเทศบาลนครลำปางสั่งยกเลิกเงินอุดหนุน กฟภ.ทำโครงการสายไฟลงดิน หลังงบฯ ไม่พอ-ตัดจ่ายเงินไม่ถูกต้อง พร้อมขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวัน-ร้อง ป.ป.ช./สตง./ผู้ว่าฯ ตรวจสอบผู้บริหารกราวรูด
นายชาตรี สุขารมย์ ปลัดเทศบาลนครลำปาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการสายไฟลงดินเฟส 1 ถนนพหลโยธิน เทศบาลนครลำปาง ซึ่งตามเงื่อนไขเทศบาลฯ จะต้องใช้เงินอุดหนุนในปีงบประมาณ 2563 กว่า 53 ล้านบาท แต่ในวันสิ้นสุดปีงบประมาณ (30 ก.ย.) ตรวจสอบสถานะทางการเงินของเทศบาลนครลำปางพบว่าเงินที่เหลือมีไม่เพียงพอที่จะอุดหนุนในโครงการสายไฟลงดินของ กฟภ.
เนื่องจากรายได้ของเทศบาลฯ ลดลงจากเป้าที่ตั้งไว้จำนวนมาก เพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดและมีการเปลี่ยนแปลงระบบการเก็บภาษี เมื่อนำรายได้มาหักลบกับรายจ่ายที่ต้องจ่ายทำให้มีเงินไม่พอสำหรับอุดหนุนโครงการนี้ ซึ่งตนเคยรายงานสถานการณ์ทางการเงินให้นายกเทศมนตรีรับทราบก่อนหน้านั้นแล้ว พร้อมเสนอให้นายกเทศมนตรีแจ้งให้ กฟภ.ทราบ
แต่นายกเทศมนตรีก็ยังคงยืนยันจะให้มีการอุดหนุนเงินในโครงการดังกล่าว โดยให้รอถึงวันสุดท้ายของการปิดงบประมาณ และมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งรวมตนด้วยทำงานนอกเวลาราชการจนถึง 24.00 น. วันที่ 30 ก.ย. เพื่อเปิดรอตรวจสอบว่าจะมีเงินรายรับเข้าในระบบหรือไม่
กระทั่งเวลาเกือบ 20.00 น. ตนก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานะทางการเงินอีกครั้ง ซึ่งก็ยังพบว่าเงินในระบบมีไม่เพียงพอที่จะอุดหนุนโครงการได้ จึงได้รายงานให้นายกเทศมนตรีฯ และเสนอให้แจ้ง กฟภ.ทราบ ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านในเวลาต่อมา
กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ต้องเริ่มต้นปีงบประมาณ 2564 เจ้าหน้าที่การเงินได้นำแฟ้มเอกสารเข้ามาเพื่อให้ตนตรวจสอบและเซ็น ก็พบว่ามีฎีกา 1 ฉบับ พร้อมเช็คสั่งจ่ายในวงเงินกว่า 53 ล้านบาท สั่งจ่ายให้ กฟภ. และมีการตัดจ่ายเงินในระบบ e-LAAS ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นที่เรียบร้อย
แต่เมื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารจึงพบว่าทั้งฎีกา-เช็คยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากผู้มีอำนาจลงนามเซ็นชื่อฎีกาไม่ครบ และผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเช็คยังไม่มีการลงลายมือชื่อ ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะตัดเงินสั่งจ่ายในระบบ e-LAAS ได้ ตนจึงนำเสนอให้นายกเทศมนตรีทราบและเสนอให้มีคำสั่งยกเลิกการกันเงินจำนวนดังกล่าวในระบบ e-LAAS ออก และแจ้งให้ กฟภ. แต่ก็ไม่ได้รับคำสั่งใดๆ กลับมา
ต่อมาตนได้สอบถามนายกเทศมนตรีอีกครั้งว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ประกอบกับผ่านมาหลายวันยังไม่สามารถปิดงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ได้เพราะเช็คที่มีปัญหาดังกล่าว แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ยังยืนยันว่ายังไม่มีคำสั่งให้ยกเลิกเงินจำนวนดังกล่าว หากจะให้ยกเลิกต้องให้ผู้บริหารเป็นผู้สั่งการ
ปลัดเทศบาลนครลำปางกล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวตนจึงเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องและปรากฏชื่อในเอกสารฎีกา และทำหน้าที่ตัดจ่ายเงินในระบบ e-LAAS รวมถึงนิติกรของเทศบาลนครลำปางเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าผู้บริหารมีการข่มขู่และมายืนคุมด้วยตนเองเพื่อให้ดำเนินการตามที่ผู้บริหารต้องการ แม้เจ้าหน้าที่จะมีการทักท้วงว่ายังไม่ถูกต้องก็ตาม
ฉะนั้น ในฐานะปลัดเทศบาลนครลำปาง จึงได้ให้เจ้าหน้าที่บันทึกรายงานการประชุมและนำเสนอให้นายกเทศมนตรีได้รับทราบ พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา 6 แนวทาง คือ
1. ให้ยกเลิกเช็คสั่งจ่ายเงิน และฎีกาเบิกเงินรายจ่ายดังกล่าวโดยเร็ว
2. ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจำนวน 5 คน โดยมีปลัดเทศบาลนครลำปางเป็นประธาน
3. ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เพื่อให้มาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมอบให้ปลัดเทศบาลนครลำปางเป็นผู้ดำเนินการ
4. ทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมอบให้ปลัดเทศบาลนครลำปางเป็นผู้ดำเนินการ
5. ทำหนังสือแจ้งไปยัง ป.ป.ช.เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมอบให้ปลัดเทศบาลนครลำปางเป็นผู้ดำเนินการ
6. มอบหมายให้ปลัดเทศบาลนครลำปางไปแจ้งความดำเนินคดีความต่อผู้กระทำความผิด
“แต่นายกเทศมนตรีก็ยังไม่มีคำสั่งใดๆ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวออกมา ทำให้งบประมาณปิดไม่ได้และกระทบต่อการใช้งบประมาณปี 2564 จึงได้ตัดสินใจออกคำสั่งให้ผู้อำนวยการกองคลังยกเลิกเช็คสั่งจ่ายเงิน และฎีกาเบิกจ่ายเงิน และยกเลิกการกันเงินกว่า 53 ล้านบาทออกจากระบบ e-LASS เป็นที่เรียบร้อย ทำให้เงินจำนวนดังกล่าวตกเป็นเงินสะสม และทำให้โครงการสายไฟลงดินเฟส 1 ถนนพหลโยธิน ต้องยุติลงด้วย”
เมื่อสอบถามว่า เมื่อโครงการสายไฟลงดินยุติลงจะทำให้เทศบาลนครลำปางและ กฟภ.มีปัญหากันหรือไม่ นายชาตรีกล่าวว่า คงไม่มีปัญหาเพราะการจะจ่ายเงินอุดหนุนมีระเบียบต้องปฏิบัติอยู่แล้ว คือจะต้องไม่ก่อหนี้ผูกพันก่อน และต้องตรวจสอบสถานะทางการเงินก่อน หากมีเพียงพอจึงจะอุดหนุนได้
ส่วนโครงการสายไฟลงดิน แม้จะมีการทำ MOU ไปก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่เงื่อนไขเท่านั้น เมื่อเงินอุดหนุนไม่เพียงพอก็จ่ายไม่ได้ ซึ่งตามระเบียบก็บอกอีกว่าเมื่ออุดหนุนไปแล้วก็ให้ กฟภ.รายงานให้เทศบาลทราบเมื่องานเสร็จเท่านั้น ดังนั้น โครงการสายไฟลงดินก็ต้องยุติและพับไปก่อน หากปีต่อไปมีเงินเพียงพอก็ยังสามารถดำเนินโครงการต่อได้
ล่าสุด นายชาตรี ได้เดินทางไปพบ ร.ต.ท.อัจฉริยะ ยศหนัก พงส.สภ.เมืองลำปาง เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานถึงความผิดของนายกเทศมนตรี และรองนายกเทศมนตรีนครลำปาง ในฐานะเป็นผู้บริหารของเทศบาลนครลำปาง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุม รับผิดชอบในการบริหารกิจการเทศบาลนครลำปาง และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานเทศบาลและลูกจ้างเทศบาลนครลำปาง โดยเป็นไปตาม พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 ได้ใช้อำนาจหน้าที่กระทำการข่มขู่ต่อผู้ใต้บังคับบัญชา ให้กระทำความผิดโดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหนังสือสั่งการต่างๆ ของราชการ
จากนั้นได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดลำปาง, ผอ.สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 9 และผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ให้ตรวจสอบกรณีนายกเทศมนตรีนครลำปางใช้อำนาจข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบแล้ว