ตราด - คดีตัวอย่าง! โรงแรมซีวิว เกาะช้าง ฟ้องนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท ให้ข่าวสื่อต่างชาติโจมตีงานบริการจนได้รับความเสียหาย สุดท้ายอ้างคึกคะนองโร่ขอโทษพร้อมทำตามเงื่อนไขเผยแพร่คำขอโทษในสื่อดังหลายฉบับ
จากกรณีที่ มร.เวสลี จีน บาร์น นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ได้โพสต์ข้อความโจมตีโรงแรมซีวิว เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ลงในเว็บไซต์ต่างๆ รวมทั้งให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนต่างประเทศเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลัง มร.เวสลี และเพื่อนได้เข้าพักและใช้บริการภายในห้องอาหารของโรงแรมโดยได้นำเครื่องดื่มจากภายนอกเข้ามาดื่ม ซึ่งตามระเบียบห้องอาหารจะต้องเก็บค่าบริการ
แต่ มร.เวสลี ไม่ยินยอมจ่ายค่าบริการจนเกิดการโต้เถียงกับพนักงาน กระทั่งผู้จัดการห้องอาหารได้เข้ามาเจรจาและได้ข้อยุติว่าห้องอาหารจะไม่เก็บค่าบริการ จนเป็นที่มาของการนำเรื่องราวโพสต์ลงในโลกออนไลน์สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของโรงแรม
และแม้ทางโรงแรมจะได้พยายามติดต่อขอให้มีการยุติการนำเสนอข้อมูลดังกล่าวแต่กลับได้รับการปฏิเสธ จนสุดท้ายต้องตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทตามกฎหมายของไทยนั้น
ล่าสุด วานนี้ (8 ต.ค.) มร.เวสลี จีน บาร์น พร้อมด้วย นายอัตพล สุวรรณจันทร์ ทนายความได้เดินทางเข้าพบกับ นายพิชชา รัตนวงศ์ ในฐานะกรรมการบริษัท และตัวแทนรงแรมซีวิว เกาะช้าง รวมทั้ง นายติณญ์ณภัทร มีเพชรอัฐมงคล ทนายฝ่ายโจทก์เพื่อเจรจาและหาข้อยุติ โดยผู้ต้องหายินดีที่จะขอโทษในประเด็นการโพสต์ข้อมูลในเว็บไซต์ และให้ข่าวกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ในประเทศสหรัฐอเมริกา จนทำให้โรงแรมซีวิว เกาะช้างได้รับความเสียหาย
โดยการเจรจาดังกล่าวยังได้เชิญ พ.ต.อ.กิตติ มาลีหวล ผกก.สภ.เกาะช้าง ร่วมเป็นสักขีพยานในการทำบันทึกข้อตกลงยอมความไว้เป็นหลักฐานด้วย
นายติณญ์ณภัทร มีเพชรอัฐมงคล ทนายฝ่ายโจทก์ เผยว่า หลังจากนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวได้ติดต่อขอเจรจากับฝ่ายบริหารของโรงแรม ทางโรงแรมก็ยินดีที่จะยุติในเรื่องการดำเนินคดีทั้งหมด เพียงแต่ขอให้ มร.เวสลี ต้องแสดงความจริงใจและแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ก่อขึ้นและดำเนินการแก้ไขตามควร
“ทางโรงแรมยินดีที่จะยุติปัญหา แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ที่กระทำการดังกล่าวก็จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องภายใต้กฎหมายไทยและที่จะขาดเสียไม่ได้คือความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันของมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเกิดเป็นชาติใดก็ควรที่จะได้รับความเคารพเสมอกัน” นายติณญ์ณภัทร กล่าว
ด้าน นายเวสลี จีน บาร์น (Mr. Wesley Gene Barnes)ได้กล่าวคำขอบคุณผู้บริหารโรงแรม และผกก.สภ.เกาะช้าง ที่ยินดีรับคำขอโทษจากตนเอง และพร้อมจะดำเนินตามเงื่อนไขที่ได้หารือร่วมกันทั้งสองฝ่ายที่ระบุว่า
1.จะต้องกล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจต่อโรงแรมและพนักงาน โดยต้องส่งให้ทุกสำนักข่าวที่ตีพิมพ์ข่าวนี้ทั้งหมด เช่น CNN, ABC, Daily Mail, BBC, Insider The Morning Call, The Sun, CBS, Independent, NBC, Fox, Reuters, NYTimes, The Guardian, Bangkok Post และ AFP ด้วยข้อความว่า
“ข้าพเจ้านายบาร์น ขอแสดงความเสียใจที่ได้รีวิวโฆษณาด้วยข้อความอันเป็นเท็จใส่ร้ายหมิ่นประมาทต่อโรงแรมซีวิว เกาะช้าง ในทำนองว่าปฏิบัติต่อพนักงานเช่นทาส และพาดพิงถึงเชื้อชาติของพนักงานโรงแรม เปรียบเทียบและพาดพิงโรงแรมกับไวรัสโคโรนาต่อเนื่องหลายต่อหลายครั้งนั้นข้อความที่ข้าพเจ้ารีวิวทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย แต่เกิดจากความคึกคะนองของข้าพเจ้าเอง
บัดนี้ ข้าพเจ้านายบาร์น ได้สำนึกผิดแล้วและได้มาขอโทษต่อโรงแรม ซึ่งโรงแรมซีวิว เกาะช้าง และพนักงานก็ได้ให้อภัย และจะดำเนินการยุติคดีให้แก่ข้าพเจ้าต่อไป จึงขอขอบพระคุณโรงแรม ซึ่งโรงแรมซีวิว เกาะช้าง และพนักงาน ข้าพเจ้าถือโอกาสนี้แจ้งข่าวให้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป”
2.ทำหนังสือขอโทษไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดตราด ที่ก่อให้เกิดผลเสียทางการท่องเที่ยวของจังหวัดตราด
3.ต้องแจ้งข้อเท็จจริงนี้ให้แก่สถานทูตอเมริกาทราบทั้งหมดด้วย
4.ต้องทำหนังสือประสานงานกับทริปแอดไวเซอร์ (TripAdvisor) ชี้แจงถึงการกระทำความความผิดของตนจนต้องถูกดำเนินคดี พร้อมขอให้ทริปแอดไวเซอร์ไม่ติดป้ายเตือน Red Badge บนหน้าเพจโรงแรมซีวิว เกาะช้าง โดยขอให้ทริปแอดไวเซอร์ออกเอกสารยืนยันว่าจะไม่ติดป้ายเตือนดังกล่าวด้วย
โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ต.ค.นี้ และเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จทางโรงแรมจึงจะถอนคำร้องทุกข์ทันที
ขณะที่ พ.ต.อ.กิตติ มาลีหวล ผกก.สภ.เกาะช้าง กล่าวว่า คดีดังกล่าวถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ในข้อหาหมิ่นประมาทที่สามารถยอมความกันได้ โดยที่ทั้งสองฝ่ายได้เข้ามาเจรจาและหาข้อยุติ ซึ่งตนเองได้เข้าร่วมในฐานะพยานและเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดกรณีนี้อีกเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 ส่วนเรื่องกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปจับกุมตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติรายนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสมุทรปราการแล้ว ก็ได้นำตัวมาที่ สภ.เกาะช้าง ในวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา
แต่เนื่องจากวันนั้นเป็นวันศุกร์ตำรวจจึงมีเวลาควบคุมตัวเพียง 24 ชั่วโมง และได้ดำเนินการส่งศาลในเช้าวันเสาร์ที่ 3 ต.ค. แต่เนื่องจากภรรยาของชาวต่างชาติรายดังกล่าวไม่สามารถนำหลักทรัพย์ หรือนายประกันมาแสดงได้ทันจึงทำให้ต้องนอนอยู่ในเรือนจำ 2 วัน
โดยผู้ต้องหาอาจจะไม่เข้าใจว่าคดีหมิ่นประมาทเหตุใดจึงต้องถูกคุมขัง จึงได้อธิบายให้เข้าใจแล้ว และในวันจันทร์ที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ภรรยาของผู้ต้องได้นำเงิน จำนวน 100,000 บาท มาประกันตัวแล้วจึงสามารถออกจากเรือนจำได้ ซึ่งผู้ต้องหาเข้าใจดีและจะนำไปชี้แจงต่อสื่อมวลชนต่อไป