เป็นข่าวใหญ่ที่ได้รับความสนใจในวงกว้าง สำหรับบิ๊กตำรวจจังหวัดอุบลราชธานีที่โชว์กร่าง ไม่ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ในสนามบินตรวจเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด และยังเรียกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปโวยวาย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของนายตำรวจใหญ่นายนี้
เหตุการณ์ฉาวโฉ่เกิดขึ้นช่วงสายวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากนายตำรวจใหญ่ประจำจังหวัดอุบลราชธานี เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และต้องเข้ารับการตรวจเชื้อโควิด-19 ตามขั้นตอนที่สนามบินอุบลราชธานี แต่นายตำรวจนายนี้เอะอะใส่เจ้าหน้าที่ ไม่ยอมให้ความร่วมมือ แสดงอารมณ์ เหมือนไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่สนามบินไม่รู้ว่า นายตำรวจรายนี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่
และยังเอ็ดตะโรใส่ตำรวจที่มารอรับกลางสนามบิน ต่อหน้าประชาชนภายในสนามบินจำนวนมาก รวมทั้งยังเรียกให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปพบในวันรุ่งขึ้น ต่อว่าถึงการทำงานตรวจเชื้อโควิด-19 ผู้โดยสารในสนามบิน
แม้จะเป็นข่าวครึกโครมที่ปิดกันไม่มิด เพราะสื่อมวลชนนำเสนอชนิดเกาะติด แต่กลับไม่มีชื่อของนายตำรวจใหญ่ของจังหวัดอุบลราชธานีที่โชว์กร่าง ไม่มีคลิปเปิดโปงพฤติกรรม แตกต่างจากคดีที่ประชาชนทั่วไปกระทำผิด ทั้งที่เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในสนามบิน ซึ่งมีกล้องวงจรปิดแทบทุกตารางนิ้ว
เหตุการณ์ผ่านไปหลายวัน จึงปรากฏชื่อบิ๊กตำรวจกร่างคือพล.ต.ต.รณกร ฤทธิรงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดอุบลราชธานี
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้สั่งลงโทษ โดยย้ายพล.ต.ต.รณกรไปประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นเวลา 30 วัน พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิด กรณีไม่ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่สนามบินตรวจเชื้อโควิด-19
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นวิกฤตใหญ่ที่คุกคามชีวิตคนทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อกว่า 3 ล้านคน ผู้เสียชีวิตกว่า 2 แสนรายแล้ว โดยรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการที่เข้มงวด แทบจะปิดประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
มาตรการตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าออกสนามบิน ทั้งการเดินทางภายในและเดินทางมาจากต่างประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันการแพร่ระบาด และเป็นมาตรการที่ใช้กับทุกคน ไม่มีการละเว้นหรือเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นนายตำรวจยศใหญ่ขนาดไหนก็ตาม
เพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถติดได้กับทุกคน ไม่ใช่ว่าเป็นนายตำรวจใหญ่แล้วจะปลอดเชื้อ และถ้าติดแล้ว จะกลายเป็นพาหะแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น
มาตรการตรวจคัดกรองในพื้นที่สนามบินจึงต้องเคร่งครัด เด็ดขาด ละเว้นบุคคลใดไม่ได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าใจถึงเหตุจำเป็น และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้รับความสะดวกก็ตาม
แต่เพื่อความสงบเรียบร้อย และเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ครอบครัว และพี่น้องร่วมประเทศ ผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินจึงปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล
ส่วนผู้ที่ฝ่าฝืน หลบหนีการตรวจคัดกรองจะถูกดำเนินคดี และมีกรณีที่เป็นคดีตัวอย่างมาแล้ว สำหรับผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น ไม่ยอมถูกกักตัว 14 วัน เพื่อติดตามอาการ จนถูกศาลสั่งลงโทษ
พล.ต.ต.รณกร เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของกลไกรัฐที่จะบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และควรรับรู้ถึงขั้นตอนการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างดี
ถ้าไม่หลงตัวเองว่า เป็นนายตำรวจใหญ่สุดในจังหวัดอุบลราชธานี ไม่ถือยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่วางตัวเหนือประชาชนทั่วไป คงไม่แสดงความกร่าง โชว์พฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนา จนถูกสังคมรุมประณาม
ทุกคนกำลังรอดูว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะลงโทษพล.ต.ต.รณกรจริงจังขนาดไหน และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะสั่งการในเรื่องนี้อย่างใดหรือไม่
เพราะการที่นายตำรวจระดับสูง ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 ถือเป็นแบบอย่างไม่ดี และทำให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างประชาชนทั่วไปกับนายตำรวจใหญ่ ในการบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19
ถ้าประชาชนฝ่าฝืน จะถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด แต่เมื่อตำรวจใหญ่ฝ่าฝืนเสียเอง พล.อ.ประยุทธ์จะปล่อยให้ลอยนวลหรือ
และถ้าพล.ต.ต.รณกรไม่ถูกลงโทษ มีชีวิตก้าวหน้าในระบบราชการต่อไป กลายเป็นนายตำรวจใหญ่และมีอำนาจมากขึ้น สังคมจะเป็นระเบียบเรียบร้อย สงบสุขและเป็นธรรมหรือ
แม้ว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 จะสั่งย้ายและตั้งกรรมการสอบสวนพล.ต.ต.รณกรแล้ว แต่ฟังเสียงจากนายตำรวจที่จะลงไปสอบสวนข้อเท็จจริง อาจคาดหมายสำนวนการสอบสวนที่จะสรุปออกมาได้ล่วงหน้า เพราะเริ่มมีการโยนประเด็นการกลั่นแกล้งพล.ต.ต.รณกรเข้ามา เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นพฤติกรรมกร่างกลางสนามบิน ต่อหน้าสาธารณชนจำนวนมาก
ถ้าจะสอบสวนความผิดกันจริงๆ ไม่ช่วยเหลือพวกพ้องสีกากีด้วยกัน พล.ต.ต.รณกรคงหมดอนาคตในชีวิตราชการตำรวจ
เพราะกล้องวงจรปิดภายในสนามบินอุบลราชธานี จะเป็นหลักฐานสำคัญที่พิสูจน์ว่า พล.ต.ต.รณกรกร่างและไม่ให้ความร่วมมือมาตรการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 จริงหรือไม่ โดยไม่ต้องสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายจากที่ไหน
สำนวนการสอบสวนอาจบิดเบือนได้ พยานหลักฐานบุคคลอาจให้การไม่ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ แต่กล้องวงจรปิดในสนามบินอุบลราชธานีคงโกหกใครไม่ได้
คำถามคือ พล.อ.ประยุทธ์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเอาผิดบิ๊กตำรวจอุบลฯ ที่แหกกฎตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 จริงหรือไม่เท่านั้น
แต่ชาวบ้านเชื่อขนมกินล่วงหน้าแล้ว ยังไงบิ๊กตำรวจอุบลฯ คนนี้รอดแน่ๆ แม้จะกร่างคับฟ้าก็ตาม