ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ผบช.ภ.3” ยันเซ็นสั่งย้าย “ผู้การอุบลฯ” กรณีใช้วาจาไม่สุภาพและไม่ให้ความร่วมมือตรวจคัดกรองด่านโควิด-19 สนามบินอุบลฯ พร้อมตั้งรอง ผบช.ภ.3 สอบข้อเท็จจริง ลั่นให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายและไม่ปกป้อง ว่าไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.พูนทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พล.ต.ต.อัครเดช พิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และ นายตำรวจระดับรองผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 ร่วมประชุมหารือในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ผู้ยากไร้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 พิจารณาการแจกจ่ายข้าวกล่องและไข่ไก่ จำนวน 400 ชุด
พล.ต.ท.พูนทรัพย์ ประเสริศักดิ์ ผบช.ภ.3 ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวการสั่งย้าย พล.ต.ต.รณกร ทฤธิรงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) อุบลราชธานี กรณีใช้วาจาไม่สุภาพไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจคัดกรองกับด่านตรวจคัดกรองโควิด-19 ที่สนามบินจังหวัดอุบลราชธานี ว่าเรื่องคำสั่งย้ายผู้การตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี เป็นกรณีเกิดที่ จ.อุบลราชธานี ได้มีการเรียกตัวมาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 3 (ศปก.ตร.ภ.3) เมื่อวันเสาร์ที่ 25 เมษายน 2563 แล้ว โดยคำสั่งให้มารายงานตัวตั้งแต่วันนี้ (27 เม.ย.) พร้อมทั้งได้แต่งตั้ง พล.ต.ต.ภาณุ บูรณศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งรับผิดชอบ จ.อุบลราชธานีกับ จ.อำนาจเจริญ และรับผิดชอบงานจเรของตำรวจภูธรภาค 3 ให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อที่จะได้สะดวกแก่ผู้ตรวจสอบและผู้ที่จะให้ปากคำต่างๆ จึงได้ให้ผู้การตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานีมาช่วยราชการก่อน และมอบให้ พล.ต.ต.ธเนศ เทพสุด ผู้บังคับการประจำตำรวจภูธรภาค 3 ไปรักษาการในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานีไปก่อน ส่วนหลักฐานต่างๆ ก็ยังไม่ชัดเจน ตนคิดว่าเมื่อเป็นข่าวก็ต้องให้ผู้ที่มีหน้าที่ไปตรวจสอบเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ส่วนเรื่องที่ว่าจะปกป้องช่วยเหลือนั้น คิดว่าต้องว่าไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงอะไรต่างๆ ซึ่งตนก็ไม่ได้ไปด้วยตัวเอง มอบให้ พล.ต.ต.ภาณุ ไปทำหน้าที่
ส่วนการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นนี้หากตรวจพบนั้น ถ้าพบเห็นเองต้องลงโทษ แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมต่อทุกคน ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์ระบาดโรคโควิด-19 การกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเบื้องต้นให้ระวังตัวเองและครอบครัวให้ดี และสองช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่ ทำงานด้วยความเข้มแข็งอดทนอดกลั้น เพราะสถานการณ์อย่างนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมาก ตำรวจต้องทำงานให้หนักขึ้น 2-3 เท่าตัว โดยเฉพาะการตั้งด่าน หรือการคัดกรอง เรื่องการตั้งด่านเราบอกแล้วว่า เราบังคับใช้กฎหมายก็ต้องพิจารณาด้วย และเป้าหมายตั้งด่านเรื่องการจับกุมผู้กระทำผิดที่ฝ่าฝืน เช่น ออกจากบ้านมาไปเที่ยว ไปโน่นไปนี่ ไปดื่มสุราอย่างนี้ ตำรวจจะเด็ดขาด แต่เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ และขอให้ตำรวจทุกนายใช้ความสุภาพต่อประชาชน