ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- มุ่งรักษาเมืองชั้นใน โคราชเร่งระบายมวลน้ำ “ลำตะคอง” เลี่ยงเมืองชั้นในออก “ลำบริบูรณ์” เขตนอกเมือง ล้นตลิ่งทะลักท่วม ต.หมื่นไวย แล้ว 4 หมู่บ้าน จมน้ำกว่า 100 หลัง ผู้ว่าฯ โคราชห่วงลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือยันไม่รุนแรงเท่าท่วมใหญ่ปี 53 ขณะเทศบาลนครฯ แจ้งเตือน 6 ชุมชนรับมือน้ำล้นตลิ่งท่วม 8 ต.ค.นี้
วันนี้ (7 ต.ค.) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบน้ำท่วม พร้อมนำคณะลงพื้นที่ประสบน้ำท่วม ที่ ต.หมื่นไวย อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อดูสภาพน้ำและให้การช่วยเหลือชาวบ้าน พร้อมวางแผนรับมือกับสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งลำตะคอง พร้อมกันนี้ ได้ให้เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมามอบถุงยังชีพเป็นการให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น
จากรายงานพบว่า น้ำจากลำบริบูรณ์ ซึ่งลำน้ำสาขาของลำตะคองได้ล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร เขต ต.หมื่นไวย อ.เมืองนครราชสีมา แล้วจำนวน 4 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ 2, 4, 5 และหมู่ 7 ต.หมื่นไวย ได้รับความเดือดร้อนจำนวนกว่า 100 หลังคาเรือน ระดับน้ำท่วมสูง 20 เซนติเมตร-1.50 เมตร รถยนต์โดยเฉพาะรถเล็กสัญจรด้วยความลำบาก รถจักรยานยนต์ชาวบ้านถูกน้ำท่วมเครื่องยนต์ดับหลาย 10 คัน ชาวบ้าน ผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษาต้องเดินลุยน้ำไปทำงานและโรงเรียน รวมทั้งหวาดกลัวสัตว์มีพิษหนีน้ำท่วมเข้าบ้าน
สำหรับการระบายน้ำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่ที่มีปริมาณมากและจะมีพายุฝนเข้ามาอีกใน 2-3 วันนี้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนริมสองฝั่งลำตะคอง และลำบริบูรณ์ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาได้รับความเดือดร้อนเป็นบริเวณกว้างมากขึ้นนั้น ได้มีการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 6 ตัว และเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้วสูบน้ำ เร่งระบายปริมาณน้ำออกไปจากพื้นที่ให้เร็วที่สุดเพื่อรองรับมวลน้ำใหม่ที่กำลังจะมาถึงอีก
ขณะที่ นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา สั่งการให้หัวหน้าฝ่ายเทศบาลนครนครราชสีมาประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนริมลำตะคอง 6 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนมิตรภาพ ซอย 4, ชุมชนคุ้มวงษ์, ชุมชนสำโรงจันทร์, ชุมชนเกาะลอย, ชุมชนหมู่บ้านวีไอพี และชุมชนมหาชัย ให้เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง และขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากขณะนี้มีมวลน้ำจำนวนมากจากฝนที่ตกท้ายเขื่อนลำตะคองไหลลงสู่ลำตะคอง ในพื้นที่อำเภอสีคิ้ว, อำเภอสูงเนิน และอำเภอขามทะเลสอ ส่งผลให้ระดับน้ำในลำตะคองมีระดับสูงขึ้น จนถึงขณะนี้ปริมาณน้ำถึงขอบตลิ่งแล้ว โดยเฉพาะประตูระบายน้ำจุดต่างๆ ตามลำตะคองน้ำล้นบานประตูหมดแล้ว ขณะที่มีการคาดการณ์ว่ามวลน้ำก้อนใหญ่จะไหลมาถึงพื้นที่เขตเทศบาลนครนครราชสีมาในวันที่ 8 ต.ค.นี้ และจะทำให้เกิดสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมสองฝั่งลำตะคองในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครราชสีมา
นายวิเชียร จันทรโณทัย กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยในช่วง 2-3 วันนี้จะมีมวลน้ำลำตะคองเข้ามาในตัวเมืองนครราชสีมาชั้นใน และพื้นที่รอบข้างตามลำบริบูรณ์ลำน้ำสาขา ตนสั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เร่งแจ้งเตือนให้ประชาชนริมสองฝั่งลำตะคอง และลำบริบูรณ์เก็บข้าวของเครื่องใช้ขึ้นที่สูง โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ทรัพย์สินของมีค่า รถยนต์ รถจักรยาน รถจักรยานยนต์ หรือให้อพยพออกมาก่อนชั่วคราว
ล่าสุดขณะนี้จุดที่มีน้ำท่วมในเขต อ.เมืองนครราชสีมา เช่น ชุมชนถนนมิตรภาพ ซอย 4 มีประมาณ 3-4 หลัง, ชุมชนสำโรงจันทร์ 7-8 หลัง, ตำบลหมื่นไวย น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างนับ 100 หลังคาเรือน ต้องแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งตอนนี้เรากังวลและห่วงมากคือ พายุลูกใหม่ที่จะเข้ามาในช่วง 2-3 วันนี้ และอาจส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในเขตเมืองโคราชชั้นในที่อยู่ในที่ลุ่มต่ำ
นอกจากนี้ ยังมีลุ่มน้ำลำเชียงไกรที่สถานการณ์น่าเป็นห่วง เพราะอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนบน อ.ด่านขุนทด และอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง อ.โนนไทย มีปริมาณน้ำจำนวนมาก และเต็มระดับกักเก็บแล้ว จำเป็นต้องมีการปล่อยน้ำลงไปตามลำเชียงไกร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนที่อยู่ด้านล่าง
“ขอแจ้งไปยังพี่น้องประชาชนว่า มวลน้ำที่ไหลบ่ามาตอนนี้เราพยายามเร่งระบายลงไปลำน้ำมูลให้เร็วที่สุด ซึ่งได้สั่งการให้เทศบาลนครนครราชสีมาแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ทุพพลภาพ ทุกคนทุกหลังคาเรือน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในจุดเสี่ยงต้องระมัดระวังและเตรียมพร้อมทั้งการเก็บข้าวของ และกรณีมากกว่านี้คือ ต้องอพยพประชาชน ซึ่งยอมรับว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลนครฯ บ้าง เพราะคงไม่สามารถที่จะไปป้องกันไม่ให้ท่วมได้ทั้งหมด ซึ่งในช่วง 2-3 วันนี้จะมีมวลน้ำมาถึงตัวเมืองประมาณ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที แต่ยืนยันว่าสถานการณ์ ณ วันนี้ไม่รุนแรงถึงขนาดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2553 อย่างแน่นอน ยกเว้นจะท่วมในพื้นที่ลุ่มและพื้นที่ริมน้ำเป็นหลัก” นายวิเชียรกล่าวในตอนท้าย
