ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชาวโคราชขอบคุณ “โนอึล” ได้น้ำท่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมขังเนื่องจากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “โนอึล” ที่เกิดฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างทั้ง จ.นครราชสีมา โดยในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา, เทศบาลตำบลหัวทะเล และเทศบาลตำบลบ้านใหม่ อ.เมืองฯ ทำให้มีน้ำท่วมขังในหลายจุด และวันนี้ (21 ก.ย.) สถานการณ์เริ่มคลี่คลายจนเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังมีในบางจุด เช่นซอยท้าวสุระ 25 ต.หัวทะเลยังมีน้ำท่วมขัง ประมาณ 50-60 ซม. ระยะทาง 50 เมตรรถสามารถผ่านได้อย่างช้าๆ
ขณะที่บริเวณหมู่บ้านมงคลชัยนิเวศน์ ต.หัวทะเล ประชาชนเจ้าของบ้านแต่ละหลังเร่งเก็บกวาดซ่อมแซมข้าวของเครื่องใช้ที่เสียหายและถนนหนทางอย่างทุลักทุเล เนื่องจากมีโคลนสีดำคล้ำและลื่นเป็นจำนวนมาก และพื้นที่ ต.บ้านใหม่ยังมีน้ำท่วมขัง 20-30 ซม. คาดว่าช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ทุกจุดจะเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนพื้นที่ต่างอำเภอโดยเฉพาะที่ อ.เทพารักษ์ สะพานขาด ชาวบ้านไม่สามารถสัญจรได้
โดยในเช้าวันเดียวกันนี้ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีต รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ประธาน ศูนย์คนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน พร้อมด้วยนายวัชรพล โตมรศักดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จ.นครราชสีมา และชมรมเพื่อนสุวัจน์ ได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ชาวบ้านคนยากคนจน ผู้สูงอายุ ผู้พิการที่ประสบอุทกภัยโดยมอบถุงน้ำใจ ถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง ยารักษาโรค น้ำดื่ม พื้นที่ ต.บ้านใหม่ 2 หมู่บ้าน, ชุมชนมงคลชัยนิเวศน์-ซอยท้าวสุระ 25 และ 33 และที่ชุมชนโรงต้ม เขตเทศบาลนครนครราชสีมา รวมกว่า 500 ชุด
นอกจากนี้ มูลนิธิเพื่อนพึ่งพายามยากยังได้นำถุงยังชีพ จำนวน 200 ชุดไปมอบให้ราษฎรในพื้นที่ ต.หัวทะเล โดยมีนายเอกภพ โตมรศักดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวทะเลเป็นผู้แทนมอบ
นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุโซนร้อนโนอึล ทำให้น้ำในอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ของโครงการชลประทานนครราชสีมาที่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้รับน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เพิ่มอีก 37.92 ล้านลูกบาศก์เมตร และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 23 แห่ง รวม 22.77 ล้านลูกบาศก์เมตร และมวลน้ำได้ เพิ่มอีก 60.69 ล้านลูกบาศก์เมตร
โดยทั้ง 2 วันที่ผ่านมาได้น้ำ 78.63 ล้าน ลบ.ม. และจะมีน้ำไหลลงต่อเนื่องอีกไม่น้อยกว่า 3 วันหลังจากนี้ ซึ่งจะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาที่ประสบปัญหาต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 2 ปี
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเกิน 100%ของความจุที่ระดับเก็บกัก จะมีการพร่องน้ำลงลำน้ำเดิม เพื่อความปลอดภัยของเขื่อนโดยมีปริมาณน้ำไหลล้น ทางระบายน้ำฉุกเฉินของอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนบนสู่ลำน้ำเดิมในอัตรา 28 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะพยายามบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดผลกระทบด้านท้ายน้ำให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม อยากประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบลุ่มน้ำลำเชียงไกรให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่มของลำเชียงไกรให้ขนของมีค่าขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน