กาญจนบุรี - ผอ.รพ.สต.นำทีมลุยให้ความรู้ ประชาชนชุมชนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ป้องโควิด-19 หลังหมู่บ้านถูกล็อกดาวน์ครบ 14 วัน โล่งปลอดเชื้อ เผยสถานการณ์ชายแดน จ.กาญจน์ยังไม่น่าวิตก แต่เพื่อความไม่ประมาท เฝ้าระวังเต็มที่
วันนี้ (16 ก.ย.) นายบุญเยี่ยม ทิมอรรถ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (ผอ.รพ.สต.) บ้านซองกาเลีย นายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้านบ้านซองกาเลีย หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (กองกำลังสุรสีห์) เจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.ที่ 134 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ อบต.หนองลู และ อสม.
ร่วมเดินทางเข้าไปยังชุมชนชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง บ้านแม่ติ้ว ซึ่งชุมชนดังกล่าวตั้งอยู่กลางป่า อยู่ห่างจากบ้านซองกาเลียเข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เข้าไปเพื่อให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพของตนเอง ให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยชุมชนดังกล่าวมีประชากรอยู่ประมาณ 70 คน
ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีชาวบ้านในหมู่บ้านเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของตนเองที่ประเทศพม่า ก่อนเดินทางกลับเข้ามาในหมู่บ้านด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติบริเวณบ้านบ่อญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้ผ่านการตรวจอาการไข้จากเจ้าหน้าที่ หลังจากผู้นำท้องถิ่นทราบข่าว จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซองเลีย นำเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจวัดอาการไข้แก่บุคคลดังกล่าว พร้อมกับชาวบ้านที่มีอยู่ทั้งหมด
และเจ้าหน้าที่ได้ทำการล็อกดาวน์ด้วยการห้ามทุกคนออกจากหมู่บ้านโดยเด็ดขาดเพื่อทำการกักตัวรอดูอาการจนกว่าจะครบ 14 วัน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่ได้กำหนดเอาไว้ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร และ ตชด. มาทำการดูแลและปิดทางเข้าออกหมู่บ้าน โดยอนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาตรวจวัดอาการไข้ โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย.63 ที่ผ่านมา การล็อกดาวน์หมู่บ้านดังกล่าวครบกำหนด 14 วันพอดี ผลปรากฏว่าไม่พบชาวบ้านรายใดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้แต่รายเดียว จึงสร้างความโล่งใจให้แก่ทุกคน และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ นายบุญเยี่ยม ทิมอรรถ ผอ.รพ.สต.บ้านซองกาเลีย เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่มาพบชาวบ้าน เพื่อให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกไปทำธุระนอกหมู่บ้าน พร้อมสอนวิธีการล้างมือด้วยสบู่ที่ถูกวิธี การเว้นระยะห่างเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ รวมทั้งการดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชนให้มีความสะอาดอยู่เสมอ กำจัดแหล่งปฏิกูล เพื่อลดแหล่งกำเนิดของเชื้อโรคด้วย
ด้านนายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้าน ได้สั่งกำชับให้ชาวบ้านทุกคนห้ามเดินทางข้ามแดนไปยังพื้นที่บ้านบ่อญี่ปุ่น บ้านไร่อ้อย และพื้นที่ตลาดอำเภอพญาตองซู ประเทศพม่า ที่ชายแดนติดกับบ้านพระเจดีสามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู รวมทั้งห้ามไม่ให้ญาติที่อยู่ประเทศพม่า เดินทางมาเยี่ยมและพักอาศัยในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด หากพบเห็นหรือมีข้อมูลว่ามีใครแอบลักลอบเดินทางข้ามไป หรือมีญาติชาวพม่า มาเยี่ยมและอาศัยอยู่ด้วย จะต้องถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งชาวบ้านทุกคนต่างก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
นอกจากนั้น ทาง อบต.หนองลู ได้ส่งเจ้าหน้าที่นำเครื่องพ่นยามาทำการฉีดพ่นสาร didecly dimethyl ammonium bromid 10% ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในการกำจัดเชื้อไวรัส ในพื้นที่หมู่บ้าน เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านอีกทางหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ที่ประเทศพม่าก็ตาม ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี เป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศพม่า แต่จนถึงปัจจุบัน อำเภอพญาตองซู ประเทศพม่า ที่มีชายแดนติดกับบ้านพระเจดีย์สามองค์ ยังไม่พบว่ามีประชาชนติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด
แต่เพื่อความไม่ประมาท เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ต่างเฝ้าระวังกันอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เพิ่มมาตรการในการตั้งด่านป้องกันการหลบหนีเข้ามาของชาวพม่า โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ตม. ผู้นำชุม ชรบ. และ อสม. ในการตั้งจุดตรวจและลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งออกหาข่าวอยู่ตลอดเวลา
โดยนายแพทย์นิพนธ์ พัฒนกิจเรือง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี คงยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะมีระบบติดตามบุคคลเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่ในชุมชน และระบบเฝ้าระวัง ระบบกักกัน รวมทั้งการตั้งด่านยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา ไม่พบการเคลื่อนย้าย ส่วนฝั่งตรงข้ามชายแดนไทยก็ยังไม่มีรายงานโรคที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด
วันนี้ (16 ก.ย.) นายบุญเยี่ยม ทิมอรรถ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (ผอ.รพ.สต.) บ้านซองกาเลีย นายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้านบ้านซองกาเลีย หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (กองกำลังสุรสีห์) เจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.ที่ 134 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ อบต.หนองลู และ อสม.
ร่วมเดินทางเข้าไปยังชุมชนชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง บ้านแม่ติ้ว ซึ่งชุมชนดังกล่าวตั้งอยู่กลางป่า อยู่ห่างจากบ้านซองกาเลียเข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เข้าไปเพื่อให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพของตนเอง ให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยชุมชนดังกล่าวมีประชากรอยู่ประมาณ 70 คน
ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีชาวบ้านในหมู่บ้านเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของตนเองที่ประเทศพม่า ก่อนเดินทางกลับเข้ามาในหมู่บ้านด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติบริเวณบ้านบ่อญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้ผ่านการตรวจอาการไข้จากเจ้าหน้าที่ หลังจากผู้นำท้องถิ่นทราบข่าว จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซองเลีย นำเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจวัดอาการไข้แก่บุคคลดังกล่าว พร้อมกับชาวบ้านที่มีอยู่ทั้งหมด
และเจ้าหน้าที่ได้ทำการล็อกดาวน์ด้วยการห้ามทุกคนออกจากหมู่บ้านโดยเด็ดขาดเพื่อทำการกักตัวรอดูอาการจนกว่าจะครบ 14 วัน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่ได้กำหนดเอาไว้ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร และ ตชด. มาทำการดูแลและปิดทางเข้าออกหมู่บ้าน โดยอนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาตรวจวัดอาการไข้ โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย.63 ที่ผ่านมา การล็อกดาวน์หมู่บ้านดังกล่าวครบกำหนด 14 วันพอดี ผลปรากฏว่าไม่พบชาวบ้านรายใดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้แต่รายเดียว จึงสร้างความโล่งใจให้แก่ทุกคน และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ นายบุญเยี่ยม ทิมอรรถ ผอ.รพ.สต.บ้านซองกาเลีย เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่มาพบชาวบ้าน เพื่อให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกไปทำธุระนอกหมู่บ้าน พร้อมสอนวิธีการล้างมือด้วยสบู่ที่ถูกวิธี การเว้นระยะห่างเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ รวมทั้งการดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชนให้มีความสะอาดอยู่เสมอ กำจัดแหล่งปฏิกูล เพื่อลดแหล่งกำเนิดของเชื้อโรคด้วย
ด้านนายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้าน ได้สั่งกำชับให้ชาวบ้านทุกคนห้ามเดินทางข้ามแดนไปยังพื้นที่บ้านบ่อญี่ปุ่น บ้านไร่อ้อย และพื้นที่ตลาดอำเภอพญาตองซู ประเทศพม่า ที่ชายแดนติดกับบ้านพระเจดีสามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู รวมทั้งห้ามไม่ให้ญาติที่อยู่ประเทศพม่า เดินทางมาเยี่ยมและพักอาศัยในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด หากพบเห็นหรือมีข้อมูลว่ามีใครแอบลักลอบเดินทางข้ามไป หรือมีญาติชาวพม่า มาเยี่ยมและอาศัยอยู่ด้วย จะต้องถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งชาวบ้านทุกคนต่างก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
นอกจากนั้น ทาง อบต.หนองลู ได้ส่งเจ้าหน้าที่นำเครื่องพ่นยามาทำการฉีดพ่นสาร didecly dimethyl ammonium bromid 10% ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในการกำจัดเชื้อไวรัส ในพื้นที่หมู่บ้าน เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านอีกทางหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ที่ประเทศพม่าก็ตาม ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี เป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศพม่า แต่จนถึงปัจจุบัน อำเภอพญาตองซู ประเทศพม่า ที่มีชายแดนติดกับบ้านพระเจดีย์สามองค์ ยังไม่พบว่ามีประชาชนติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด
แต่เพื่อความไม่ประมาท เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ต่างเฝ้าระวังกันอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เพิ่มมาตรการในการตั้งด่านป้องกันการหลบหนีเข้ามาของชาวพม่า โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ตม. ผู้นำชุม ชรบ. และ อสม. ในการตั้งจุดตรวจและลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งออกหาข่าวอยู่ตลอดเวลา
โดยนายแพทย์นิพนธ์ พัฒนกิจเรือง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี คงยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะมีระบบติดตามบุคคลเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่ในชุมชน และระบบเฝ้าระวัง ระบบกักกัน รวมทั้งการตั้งด่านยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา ไม่พบการเคลื่อนย้าย ส่วนฝั่งตรงข้ามชายแดนไทยก็ยังไม่มีรายงานโรคที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด