ศบค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากบาห์เรน 1 ราย อินเดีย 4 ราย และออสเตรเลีย 2 ราย ด้านพม่ายังหนักวันเดียวคนติดโควิดเพิ่ม 201 ราย สธ.ประสานทุกฝ่ายเฝ้าระวังเต็มที่ ป้องกันแรงงานต่างด้าวลักลอบข้ามพรมแดน
วานนี้ (13 ก.ย.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่าพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 7 คน เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักในสถานที่กักกันของรัฐ โดยมาจาก บาห์เรน 1 คน อินเดีย 4 คน และออสเตรเลีย 2 คน
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม ล่าสุดอยู่ที่ 3,473 คน เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,445 คน และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานที่กักกัน ที่รัฐจัดให้ 535 คน ผู้ป่วยรักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,312 คน และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในรพ.103 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่เท่าเดิมที่ 58 คน
พม่าหนักวันเดียวติดเชื้อใหม่201ราย
ขณะที่ประเทศเมียนมา รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ถึง 201 คน ในเช้าวานนี้ (13 ก.ย.) ตามการรายงานของกระทรวงสาธารณสุขและกีฬา และจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 2,796 คน และมีผู้เสียชีวิตรวม 16 คน จนถึงปัจจุบัน ทางการได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 กับประชาชนแล้ว 191,696 ตัวอย่าง และมีประชาชนอยู่ในศูนย์กักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ 9,165 คน
สธ.ประสานคุมเข้มชายแดน
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่าได้ประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ดำเนินมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ทั้งบริเวณตะเข็บชายแดน และจังหวัดที่แรงงานต่างด้าวมักเดินทางไปทำงาน โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ประเมินความเสี่ยงที่อาจแพร่ระบาดมายังประเทศไทย เพื่อวางแผนเตรียมความพร้อมรับมือในอนาคต
นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังด่านชายแดนปกติ และได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง และฝ่ายปกครอง โดยให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประชากรต่างด้าว (อสต.) ร่วมตรวจสอบพื้นที่ ลาดตระเวนในช่องทางธรรมชาติ รวมทั้งค้นหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
"บุรีรัมย์"กักตัวนักบอลเพิ่ม 42 คน
นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมคณะ ร่วมแถลงสถานการณ์ ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และ มาตรการในการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ถึงกรณีพบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเติมจำนวน 1 ราย คือ นักฟุตบอล สังกัดสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด สัญชาติอุซเบกิสถาน อายุ 29 ปี ที่เดินทางมาถึงประเทศไทย เมื่อ13 ส.ค.63 โดยภายหลังทีมสอบสวนและควบคุมโรค จ.บุรีรัมย์ ได้ดำเนินการสอบสวนโรคและควบคุมโรค พบมีบุคคลที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อรวมทั้งสิ้น 569 ราย แบ่งเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง 170 ราย และกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ 399 ราย เนื่องจากผู้ป่วยได้เดินทางไปร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ทั้งมีการซ้อมและอุ่นเครื่องกับทีมราชบุรีมิตรผล และทีมสโมสรขอนแก่น เอฟซี.
โดยกลุ่มเสี่ยงสูง 170 ราย เป็นนักกีฬาทีมสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 44 ราย ทีมสโมสรราชบุรี มิตรผล 44 ราย ทีมสโมสรขอนแก่น เอฟซี 42 ราย และ ผู้สัมผัสใน จ.บุรีรัมย์ อีก 40 ราย กลุ่มเสี่ยงต่ำ 399 ราย อยู่ใน จ.บุรีรัมย์ 340 ราย ต่างจังหวัด 59 ราย
ทั้งนี้ ในส่วนของ จ.บุรีรัมย์ ก็มีมาตรการในการกักกันกลุ่มเสี่ยงสูง และประสานกลุ่มเสี่ยงต่ำ ให้เฝ้าระวังอาการตนเองทุกราย พร้อมทั้งมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อโควิด-19 ซึ่ง ทั้งหมดอยู่ระหว่างรอผลตรวจ
ส่วนตัวนักเตะ ที่เดินทางไป จ.สมุทรปราการ เพื่อเตรียมแข่งขันไทยลีก ซึ่งมีการยกเลิกไปแล้วนั้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ทางสโมสรฯ ได้จัดรถบัสปรับอากาศไปรับกลับมาที่ จ.บุรีรัมย์ โดยไม่ได้แวะที่ไหน และระหว่างเดินทาง ได้ให้นักเตะทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันตนเอง ซึ่งนักเตะทั้ง 42 คน ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ก็จะถูกกักตัวไว้ที่ State Quarantine ของ จ.บุรีรัมย์ หรือ บรีทบล็อก โดยจะมีการตรวจหาเชื้อตามมาตรฐาน หากคนไหนมีอาการผิดปกติ ก็จะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลต่อไป ยืนยันว่า ทุกคนจะถูกดำเนินการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่มีข้อยกเว้น
เปิดรับต่างชาติยังต้องพิจารณา
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงที่ยังไม่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เดินหน้าสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ออกหลายแคมเปญเพื่อกระตุ้นให้คนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นศก. บรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยรัฐบาล ขอเชิญชวนให้ประชาชนได้ท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมขอให้ผู้ประกอบการได้สร้างความมั่นใจต่อประชาชนในมาตรฐานการดูแลรักษาความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ส่วนการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น ยังอยู่ในขั้นของการศึกษาพิจารณาถึงแนวทาง โดยต้องมีการหารือกับหลายภาคส่วน เพื่อเห็นชอบร่วมกัน ที่สำคัญคือ การสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนว่า เมื่อเปิดรับชาวต่างชาติแล้ว จะไม่ก่อให้เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 2 โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ยืนยันว่าขณะนี้ระบบการป้องกันโรคของไทยมีความเข้มแข็ง ระบบเฝ้าระวังมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อเปิดรับชาวต่างชาติ ก็จะต้องมีมาตรการคัดกรอง ที่สามารถสร้างความมั่นใจต่อประชาชนได้
วานนี้ (13 ก.ย.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่าพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 7 คน เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักในสถานที่กักกันของรัฐ โดยมาจาก บาห์เรน 1 คน อินเดีย 4 คน และออสเตรเลีย 2 คน
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม ล่าสุดอยู่ที่ 3,473 คน เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,445 คน และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานที่กักกัน ที่รัฐจัดให้ 535 คน ผู้ป่วยรักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,312 คน และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในรพ.103 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่เท่าเดิมที่ 58 คน
พม่าหนักวันเดียวติดเชื้อใหม่201ราย
ขณะที่ประเทศเมียนมา รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ถึง 201 คน ในเช้าวานนี้ (13 ก.ย.) ตามการรายงานของกระทรวงสาธารณสุขและกีฬา และจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 2,796 คน และมีผู้เสียชีวิตรวม 16 คน จนถึงปัจจุบัน ทางการได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 กับประชาชนแล้ว 191,696 ตัวอย่าง และมีประชาชนอยู่ในศูนย์กักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ 9,165 คน
สธ.ประสานคุมเข้มชายแดน
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่าได้ประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ดำเนินมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ทั้งบริเวณตะเข็บชายแดน และจังหวัดที่แรงงานต่างด้าวมักเดินทางไปทำงาน โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ประเมินความเสี่ยงที่อาจแพร่ระบาดมายังประเทศไทย เพื่อวางแผนเตรียมความพร้อมรับมือในอนาคต
นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังด่านชายแดนปกติ และได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง และฝ่ายปกครอง โดยให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประชากรต่างด้าว (อสต.) ร่วมตรวจสอบพื้นที่ ลาดตระเวนในช่องทางธรรมชาติ รวมทั้งค้นหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
"บุรีรัมย์"กักตัวนักบอลเพิ่ม 42 คน
นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมคณะ ร่วมแถลงสถานการณ์ ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และ มาตรการในการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ถึงกรณีพบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเติมจำนวน 1 ราย คือ นักฟุตบอล สังกัดสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด สัญชาติอุซเบกิสถาน อายุ 29 ปี ที่เดินทางมาถึงประเทศไทย เมื่อ13 ส.ค.63 โดยภายหลังทีมสอบสวนและควบคุมโรค จ.บุรีรัมย์ ได้ดำเนินการสอบสวนโรคและควบคุมโรค พบมีบุคคลที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อรวมทั้งสิ้น 569 ราย แบ่งเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง 170 ราย และกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ 399 ราย เนื่องจากผู้ป่วยได้เดินทางไปร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ทั้งมีการซ้อมและอุ่นเครื่องกับทีมราชบุรีมิตรผล และทีมสโมสรขอนแก่น เอฟซี.
โดยกลุ่มเสี่ยงสูง 170 ราย เป็นนักกีฬาทีมสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 44 ราย ทีมสโมสรราชบุรี มิตรผล 44 ราย ทีมสโมสรขอนแก่น เอฟซี 42 ราย และ ผู้สัมผัสใน จ.บุรีรัมย์ อีก 40 ราย กลุ่มเสี่ยงต่ำ 399 ราย อยู่ใน จ.บุรีรัมย์ 340 ราย ต่างจังหวัด 59 ราย
ทั้งนี้ ในส่วนของ จ.บุรีรัมย์ ก็มีมาตรการในการกักกันกลุ่มเสี่ยงสูง และประสานกลุ่มเสี่ยงต่ำ ให้เฝ้าระวังอาการตนเองทุกราย พร้อมทั้งมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อโควิด-19 ซึ่ง ทั้งหมดอยู่ระหว่างรอผลตรวจ
ส่วนตัวนักเตะ ที่เดินทางไป จ.สมุทรปราการ เพื่อเตรียมแข่งขันไทยลีก ซึ่งมีการยกเลิกไปแล้วนั้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ทางสโมสรฯ ได้จัดรถบัสปรับอากาศไปรับกลับมาที่ จ.บุรีรัมย์ โดยไม่ได้แวะที่ไหน และระหว่างเดินทาง ได้ให้นักเตะทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันตนเอง ซึ่งนักเตะทั้ง 42 คน ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ก็จะถูกกักตัวไว้ที่ State Quarantine ของ จ.บุรีรัมย์ หรือ บรีทบล็อก โดยจะมีการตรวจหาเชื้อตามมาตรฐาน หากคนไหนมีอาการผิดปกติ ก็จะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลต่อไป ยืนยันว่า ทุกคนจะถูกดำเนินการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่มีข้อยกเว้น
เปิดรับต่างชาติยังต้องพิจารณา
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงที่ยังไม่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เดินหน้าสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ออกหลายแคมเปญเพื่อกระตุ้นให้คนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นศก. บรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยรัฐบาล ขอเชิญชวนให้ประชาชนได้ท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมขอให้ผู้ประกอบการได้สร้างความมั่นใจต่อประชาชนในมาตรฐานการดูแลรักษาความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ส่วนการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น ยังอยู่ในขั้นของการศึกษาพิจารณาถึงแนวทาง โดยต้องมีการหารือกับหลายภาคส่วน เพื่อเห็นชอบร่วมกัน ที่สำคัญคือ การสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนว่า เมื่อเปิดรับชาวต่างชาติแล้ว จะไม่ก่อให้เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 2 โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ยืนยันว่าขณะนี้ระบบการป้องกันโรคของไทยมีความเข้มแข็ง ระบบเฝ้าระวังมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อเปิดรับชาวต่างชาติ ก็จะต้องมีมาตรการคัดกรอง ที่สามารถสร้างความมั่นใจต่อประชาชนได้