พระนครศรีอยุธยา - สลด! 3 ข้าราชการ ขับเก๋งกลับบ้านเสียหลักประสานงารถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เสียชีวิตยกคัน บนถนน แยกตึกส้ม-บ่อโพง ม.3 ต.บางระกำ อ.นครหลวง
กลางดึกวานนี้ (15 ก.ค.) ร.ต.อ.เจริญชัย โพธิสาราช พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรนครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนประสานงากับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เหตุเกิดบนถนนแยกตึกส้ม-บ่อโพง ม.3 ต.บางระกำ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายรายติดค้างภายในรถ จึงรุดตรวจสอบ พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช กำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัย และชุดอุปกรณ์ตัดถ่างเร่งให้การช่วยเหลือ
ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียนตัวแม่ 71-5871 นครปฐม หมายเลขทะเบียนตัวลูก 71-9780 นครปฐม บรรทุกถ่านหินมาเต็มคัน สภาพด้านหน้าพังยับ มีนายบุญช่วย สุจิตจูน อายุ 49 ปี ชาว จ.นครปฐม เป็นคนขับ ใกล้กันด้านหน้ารถบรรทุกพ่วง พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ 7569 พระนครศรีอยุธยา สภาพพังยับเยิน ภายในรถมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตติดอยู่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตออกมา ใช้เวลากว่า 1 ชม.ถึงจะนำออกมาได้ทั้งหมด
พบผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อคือนายศราวุธ สังข์ประไพ อายุ 38 ปี คนขับ เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และนายปรีชา ทองชาติ อายุ 53 ปี เป็นปลัด อบต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนผู้บาดเจ็บอาการสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช อีก 1 ราย ทราบชื่อคือ นายภิญโญ ศิริศิลป์ อายุ 42 ปี เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ต.ธนู อ.อุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
สอบถาม นายบุญช่วย สุจิตจูน อายุ 49 ปี คนขับรถยนต์บรรทุกพ่วง 18 ล้อ กล่าวว่า ได้ขับรถบรรทุกถ่านหินออกจากท่าเทียบเรือใกล้กับที่เกิดเหตุ จะไปส่งที่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถยนต์เก๋งขับมาด้วยความเร็ว ข้ามเลนมาแล้วหักหลบจนรถเสียหลักพุ่งมาชนกับรถยนต์บรรทุกของตน ตนพยายามหักหนีแต่ไม่ทันทำให้ชนอย่างจัง ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดเดินทางมางานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน ที่ อ.นครหลวง หลังงานเลี้ยงเลิกได้เดินทางกลับบ้านพักใน อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา แต่มาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน ทั้งนี้ ได้ควบคุมตัวคนขับรถยนต์บรรทุกไปทำการสอบสวน พร้อมติดตามหาพยานที่เห็นเหตุการณ์มาทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป