กาฬสินธุ์ - รวบแล้วสาวยางตลาด วัย 44 ปี แก๊งหลอกซื้อดาวน์รถไถที่ชาวบ้านประกาศขายตามเฟซบุ๊ก ก่อนเชิดรถหนี เบื้องต้น ตรวจสอบพบมี 8 หมายจับก่อเหตุทั่วภาคอีสาน ทำกันเป็นขบวนการ อ้างเคยเป็นแม่บ้านได้เงินวันละ 300 บาท แต่ไม่พอใช้จ่าย
จากกรณีชาวบ้านจากหลายจังหวัดในภาคอีสาน ในนามตัวแทน “กลุ่มคนรถหาย” เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เพื่อให้ดำเนินคดีต่อนาง พ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี พร้อมพวก 3 คน ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ โดยชาวบ้านระบุว่า ถูกนาง พ ติดต่อซื้อดาวน์รถยนต์และรถไถผ่านทางเฟซบุ๊กแล้วหลอกว่าจะเซ็นสัญญาผู้เช่าซื้อ เพื่อที่จะส่งงวดต่อ ก่อนเชิดรถหนีหาย โดยเหตุการณ์เกิดตั้งแต่ปี 2560-2562 เป็นต้นมา และมีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อหลายราย
ล่าสุด วันนี้ (11 ก.ย.) พ.ต.อ.ธีรวุฒิ วงศาอ้วน ผกก.สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.ปฏิวัติ ประวิเศษ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ยางตลาด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวบ คุมตัว น.ส.เบญจทิพย์ ภูสมศรี อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.5 ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.174/2563 ในข้อหายักยอก และผู้ต้องหาตามหายจับอีกหลายท้องที่รวม 8 หมาย มาสอบปากคำ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม และชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัวได้บริเวณริมถนนบ้านโคกศรี ม.7 ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด หลังจากหลบหนีไปแล้วย้อนกลับมาบ้านพักใน ต.อุ่มเม่า
พ.ต.อ.ธีรวุฒิ วงศาอ้วน ผกก.สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีประชาชนได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจสภ.ยางตลาด ว่า ถูก น.ส.เบญจทิพย์ ภูสมศรี อายุ 44 ปี ติดต่อขอซื้อดาวน์รถไถผ่านทางเฟซบุ๊ก ก่อนจะนัดทำการเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อหรือชื่อผู้ครอบครองรถกันที่โรงพักยางตลาด และบางรายที่ทำสัญญากันที่ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถ เพื่อที่จะนำไปผ่อนงวดต่อ
เช่น บางรายมีการหลอกวางเงินมัดจำให้แก่ผู้เสียหาย จำนวน 30,000 บาท ซึ่งยังเหลือค่างวดอีก 800,000 บาท ก่อนจะหลอกนำรถไถไปใช้ก่อน แล้วนำรถหนีหายไป โดยไม่ได้เซ็นเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อ จนบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องร้องค่าส่งงวด จนต้องผ่อนเพียงกุญแจรถ
พ.ต.อ.ธีรวุฒิ กล่าวต่อว่า หลังรับเรื่องเจ้าหน้าที่มีการตรวจเช็กประวัติและลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวเบื้องต้นคาดว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการ และยังมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้อีกจำนวนมากในหลายจังหวัด พร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับ และเฝ้าติดตามพฤติกรรม กระทั่งทราบว่า น.ส.เบญจทิพย์ ได้ย้อนกลับมาบ้านพักที่ ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด ชุดสืบสวนจึงเข้าจับกุมตัวและนำมาสอบสวนที่โรงพัก
พ.ต.อ.ธีรวุฒิ กล่าวอีกว่า จากการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยอ้างว่ามีชายซึ่งเป็นชาว จ.ร้อยเอ็ด ทำหน้าที่เป็นนายหน้าหาติดต่อซื้อดาวน์รถยนต์ และรถไถกับชาวบ้านที่ประกาศขายในเฟซบุ๊ก จากนั้นจะมีการนัดหมายกันตามสถานที่ต่างๆ เพื่อที่จะหลอกวางเงินมัดจำให้เจ้าของรถส่วนหนึ่ง และเปลี่ยนชื่อในสัญญาเช่าซื้อเพื่อที่จะไปส่งงวดต่อ ก่อนที่จะวางอุบายขอนำรถไปใช้ก่อน โดยยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อในสัญญาซื้อ แล้วจะมีนายหน้าเป็นชายชาว จ.ขอนแก่น เป็นผู้มานำรถไถไปอีกทอดหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อกับคำให้การทั้งหมด เพราะจากการตรวจสอบพบว่า นอกจากจะมีหมายจับของ สภ.ยางตลาด ในข้อหายักยอก 1 หมายแล้ว ยังมีหมายจับในข้อหายักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง และรับของโจรในพื้นที่ สภ.ปทุมราชวงษา จ.อำนาจเจริญ 1 หมาย สภ.เมืองกาฬสินธุ์ 1 หมาย สภ.นามน จ.กาฬสินธุ์ 1 หมาย สภ.กลางใหญ่ จ.อุดรธานี 1 หมาย สภ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น 1 หมาย และ สภ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น อีก 2 หมาย มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบคาดว่าผู้ต้องหารายนี้ยังก่อเหตุอีกหลายพื้นที่ในภาคอีสาน ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการติดตามตัวของเจ้าหน้าที่
ด้าน น.ส.เบญจทิพย์ ภูสมศรี อายุ 44 ปี ผู้ต้องหา อ้างว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเป็นแม่บ้านหน่วยงานแห่งหนึ่งใน อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท ซึ่งเงินไม่พอในค่าใช้จ่าย กระทั่งมารู้จักนายกับหน้าชาว จ.ร้อยเอ็ด และขอนแก่น ซึ่งเป็นคนทำหน้าที่ติดต่อซื้อดาวน์รถ และเป็นผู้นำรถไป ส่วนตนนั้นจะทำหน้าที่เป็นผู้ขอซื้อและเซ็นสัญญา โดยเน้นไปที่รถยนต์และรถไถที่ประกาศขายดาวน์ในเฟซบุ๊ก ซึ่งได้ค่าส่วนแบ่งครั้ง 30,000-40,000 บาท ยอมรับว่าเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง และมารู้ว่าถูกออกหมายจับ จึงหนีไปเช่าบ้านอยู่ใน จ.มหาสารคาม ก่อนจะย้อนกลับมาบ้านและถูกจับดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ในข้อหายักยอก พร้อมกับฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนหากตกเป็นเหยื่อถูกผู้ต้องหารายนี้หลอกลวงก็ให้เจ้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ และยากฝากเตือนผู้ที่ซื้อขายสิ่งของกันในเฟซบุ๊กควรที่จะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนและรอบคอบ