กาฬสินธุ์ - ชาวบ้านหลายจังหวัดในภาคอีสานแจ้งความตามจับสาวแสบพร้อมพวก แก๊งตุ๋นหลอกซื้อรถ จ่ายไม่ครบ เชิดรถหนี ติดต่อไม่ได้ ทำให้เดือดร้อนถูกไฟแนนซ์ฟ้องและเสียเงินจ้างทนาย ซ้ำต้องผ่อนงวดค่ากุญแจ เหยื่อรายล่าสุดถูกหลอกซื้อรถทำเป็นหนี้ทั้งต้นทั้งดอกกว่า 5 แสนบาท
จากกรณีชาวบ้านจากหลายจังหวัดในนาม “กลุ่มคนรถหาย” ตบเท้าแจ้งความตำรวจตามจับสาวแสบแก๊งตุ๋นหลอกเซ็นสัญญาซื้อรถไถนาและรถกระบะทางเฟซบุ๊ก วางเงินมัดจำแล้วหนีลอยนวล สูญเสียนับ 10 ล้านบาท แฉมีหมายจับกว่า 10 หมายทั่วภาคอีสาน คาดทำเป็นขบวนการ และมีคนมีสีอยู่เบื้องหลัง ร้องสื่อช่วยหาเบาะแส
ล่าสุด วันนี้ (26 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว นำโดยนายเนตรนริน มีมั่น อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 191 หมู่ 2 ต.แก้งไก่ อ.สังคม จ.หนองคาย นายสารยศ โมมะเกลือ อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 10 หมู่ 4 ต.ในเมือง อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น และนายสมรัก วรรณโสภา อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 159 หมู่ 6 ต.นาหว้า อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ได้รวมตัวและรวบรวมเอกสารเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการแจ้งความตามจับนาง พ. (นามสมมติ) อายุ 44 ปี พร้อมพวก 3 คน
ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ต.อุ่มเม่า เขตท้องที่ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ มีพฤติกรรมติดต่อซื้อรถทางเฟซบุ๊ก หลอกให้มีการเซ็นสัญญาผู้เช่าซื้อ วางเงินมัดจำ ที่ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถหลายจังหวัด ก่อนเชิดรถหนีหายลอยนวล โดยเหตุการณ์เกิดตั้งแต่ปี 2560-2562 เป็นต้นมา
นางไสว กล้าขยัน อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 12 หมู่ 10 บ้านสีถาน ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ได้นำเอกสาร ประกอบด้วยหนังสือสัญญาซื้อขาย เอกสารประจำรถ สำเนาทะเบียนบ้าน และภาพถ่าย ของนาง พ. พร้อมพวก เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด เพื่อขอให้ออกหมายจับนาง พ.พร้อมพวก ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และยักยอกทรัพย์
นางไสวเล่าว่า กรณีการทำสัญญาซื้อขายหรือเปลี่ยนมือผู้ครอบครองรถของตนกับนาง พ.นั้นเป็นรถแทรกเตอร์ เหลือค่างวดกับไฟแนนซ์ประมาณ 390,000 บาท เบื้องต้นมีนายหน้าผู้ชายอ้างว่ามาจาก จ.ขอนแก่นเข้ามาติดต่อขอซื้อรถกับตน และจะทำสัญญารับช่วงจ่ายค่างวดต่อ ก่อนที่จะตกลงราคากันได้ที่ 100,000 บาท
จากนั้นนัดทำสัญญาซื้อขายกันที่บ้าน เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2560 มีนาง พ.เป็นคู่สัญญากับนายลิน กล้าขยัน ซึ่งเป็นสามีของตน
แต่ในวันทำสัญญาดังกล่าว นาง พ.ได้ให้เงินมัดจำไว้ 50,000 บาท ขอต่อรองว่าส่วนที่เหลืออีก 50,000 บาทนั้นจะนำมาชำระให้ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2560
นางไสวเล่าอีกว่า หลังจากนั้นตนก็ได้รับหนังสือเตือนให้ชำระงวดรถจากไฟแนนซ์ ระบุว่าค้างค่างวด จึงโทร.สอบถามนาง พ.แต่ติดต่อไม่ได้ กระทั่งถึงวันนัดจ่ายอีก 50,000 บาทก็ติดต่อไม่ได้ จึงรู้ว่าถูกนาง พ.และพวกหลอกซื้อรถ จากนั้นจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.กมลาไสย แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้ง อ้างว่าเป็นคดีแพ่ง ต้องไปฟ้องร้องกันเอาเอง ตนไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องกู้เงินรายวันมาจ้างทนายความยื่นฟ้องนาง พ. และแก้ต่างให้ตัวเองที่ถูกไฟแนนซ์ฟ้อง
โดยศาลสั่งให้ตนชำระค่างวดและค่าปรับประมาณ 400,000 บาท รวมทั้งค่าจ้างทนายและรายจ่ายอื่นๆรวมแล้วสูญเงินไปกับเรื่องนี้แล้วกว่า 5 แสนบาท ทำให้ตนและสามีเป็นทุกข์ใจอย่างมาก ไม่รู้จะติดตามตัวนาง พ.ได้ที่ไหน หายไปทั้งคนทั้งรถ
นางไสวกล่าวเพิ่มเติมว่า พอทราบว่ากลุ่มคนรถหายจากหลายจังหวัด ที่ต่างก็ถูกนาง พ.พร้อมพวกหลอกซื้อรถ เข้ามาติดตามความคืบหน้าและแจ้งความตามจับนาง พ.ที่ สภ.ยางตลาด จึงได้เดินทางมาร้องทุกข์และแจ้งความเพิ่ม ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ก็รวมตัวกันไปร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ และสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์แล้ว ก่อนที่จะมาแจ้งความครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนรถหายที่ตกเป็นเหยื่อขายรถไถและรถยนต์ส่วนบุคคลให้นาง พ. พร้อมพวกนั้น เรียกร้องเจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวนาง พ.พร้อมพวกมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด มีพฤติกรรมไม่เกรงกลัวกฎหมาย มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อเดือดร้อน เสียทรัพย์ และขึ้นศาล
ทั้งยังต้องรับผิดชอบค่างวดรถอีกด้วย ขณะที่นาง พ.พร้อมพวกยังย่ามใจ ตระเวนหลอกซื้อรถในพื้นที่หลายจังหวัดทั้งในเขตภาคเหนือและอีสาน มีหมายจับจากหลายท้องที่ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้เลย