ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สหกรณ์จังหวัดขอนแก่นร่อนหนังสือแจงสื่อ ข้อมูลเงินสหกรณ์ครูขอนแก่นหาย 1,175 ล้านบาทคลาดเคลื่อน หายจริงแค่ 3 รายการ 400 กว่าล้านบาท ส่วนคำสั่งเพิกถอนมติตัวเลขกำไรคณะกรรมการพิจารณาฯ ได้ยกอุทธรณ์แล้วแต่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นยังใช้สิทธิฟ้องศาลปกครอง
ยังวุ่นไม่เลิก กรณีประเด็นเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นหายไปจากบัญชีเงินฝากแบงก์ไทยพาณิชย์ สาขาถนนดินแดง กทม. บัญชีเลขที่ 144-1-01918-9 จำนวน 1,175 ล้านบาท หรือหายไปเพียง 405 ล้านบาท (ไม่ได้คำนวณดอกเบี้ย) จนนำไปสู่การแจ้งความฟ้องร้องกันไปมาระหว่างชมรมสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นกับบอร์ดสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ทำเอาบรรดาครูน้อยครูใหญ่ที่เป็นสมาชิกฯ สับสนไปตามๆ กันว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่
ล่าสุดมีรายงานว่า นางวราลักษณ์ กุลบวรรัตน์ สหกรณ์จังหวัดขอนแก่น ได้ส่งหนังสือชี้แจงสื่อมวลชนในประเด็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน หนังสือลงวันที่ 18 พ.ค. 63 โดยข้อความในหนังสือระบุว่า ตามที่มีสื่อมวลชนบางสำนักได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด หายไปในจำนวน 1,175 ล้านบาท และทางสมาชิกของสหกรณ์ได้ยื่นขอให้ปลดคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ชุดปัจจุบัน เพราะปกปิดชุกซ่อนหลักฐานเรื่องเงินที่สูญหายและการฝืนคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์
ทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัดขอนแก่นขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบพบว่าวันที่ 20 ก.ค. 54 เงินจำนวน 770 ล้านบาทที่ถูกเบิกถอนออกจากบัญชีเงินฝากประจำธนาคารไทยพาณิชย์ จากัด (มหาชน) สาขาถนนดินแดงและปรากฏหลักฐานว่าต่อมาในวันที่ 26 ก.ค. 54 มีการโอนเงินกลับเข้าสู่บัญชีเงินฝากของสหกรณ์แล้วในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขามอดินแดง ขอนแก่น แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจน สำนักงานสหกรณ์จังหวัดขอนแก่นได้ให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น (สก.ขก.) ขอเอกสารรับรองจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขามอดินแดง เพื่อใช้ในการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าเงินถูกโอนกลับเข้ามายังบัญชีของสหกรณ์จริง
ดังนั้น เงินที่มีการเบิกถอนจากบัญชีเงินฝากของสหกรณ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนดินแดง และมิได้มีการโอนหรือนำฝากกลับเข้าบัญชีของสหกรณ์ จึงมี 3 รายการ ได้แก่ ในวันที่ 16 ส.ค. 54 มีการเบิกถอนเงิน 2 รายการ คือ จำนวน 296 ล้านบาท และจำนวน 100 ล้านบาท และในวันที่ 14 พ.ย. 56 จำนวน 296 มีล้านบาท การเบิกถอนเงิน 1 รายการ คือจำนวน 9,015,719.18 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 405,015,719.18 บาท
ประเด็นที่ 2 สก.ขก.ได้รายงานถึงการดำเนินคดีต่อบุคคลที่กระทำความผิดต่อสหกรณ์ โดยสหกรณ์ได้แจ้งความร้องทุกข์ในวันที่ 6 ธ.ค. 62 ต่อศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 4 และวันที่ 9 ธ.ค. 62 ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ให้นำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษในข้อหายักยอกทรัพย์ และข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม หรือความผิดอื่นตามที่ปรากฏจากการสอบสวน และขอให้เรียกเงินจำนวนที่สูญหายพร้อมดอกเบี้ยคืนให้แก่สหกรณ์ด้วย ซึ่งคดีอยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
ในวันที่ 17 เม.ย. 63 สก.ขก.ได้ฟ้องคดีอาญาต่อศาลจังหวัดขอนแก่นโดยตรง โดยฟ้องบุคคลที่มีหลักฐานปรากฏว่าได้กระทำความผิดหรือมีส่วนร่วมกระทำความผิด จำนวน 5 คน ในความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ ปลอม และใช้เอกสารสิทธิปลอมและรับของโจร
ส่วนกรณีที่มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องด้วยนอกเหนือจากบุคคลที่สหกรณ์ฟ้องคดีนั้น ขณะนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ทั้งจากการสอบสวนของพนักงานสอบสวนตามที่สหกรณ์ได้ร้องทุกข์ไว้ และการตรวจสอบโดยทีมทนายความของสหกรณ์เพื่อดำเนินการต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ประเด็นที่ 3 การใช้อำนาจของสหกรณ์จังหวัดขอนแก่นในฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์ วันที่ 5 ก.พ. 63 ผู้สอบบัญชีได้ความเห็นต่องบการเงินของ สก.ขก.อย่างมีเงื่อนไข จากเหตุที่ผู้รับผิดชอบในความเสียหายทำสัญญารับสภาพหนี้กับสหกรณ์เป็นลูกหนี้เงินสดขาดบัญชี จำนวน 431,862,070.43 บาท โดยนำที่ดินจำนวนกว่า 202 ไร่ ราคาประเมิน 169,710,750.00 บาท มาเป็นหลักประกันการชดใช้คืน
แต่มูลค่าของหลักประกันไม่ครอบคลุมจำนวนเงินสดขาดบัญชี ยังขาดอยู่จำนวน 262,151,320.43 บาท และสหกรณ์ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพียง 30 ล้านบาท จึงทำให้กำไรสุทธิของสหกรณ์ปรากฏในจำนวน 1,126,271,660.15 บาท ซึ่งหากสหกรณ์ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญโดยถูกต้อง กำไรสุทธิของสหกรณ์ที่ถูกต้องจะเป็นจำนวน 894,120,339.72 บาท
ต่อมาวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 สำนักงานสหกรณ์จังหวัดขอนแก่นได้รับรายงานข้อสังเกตที่ตรวจพบจากการตรวจสอบบัญชี สหกรณ์จังหวัดขอนแก่น ในฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์ ปฏิบัติการแทนนายทะเบียนสหกรณ์ จึงออกคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ ที่(ขก) 18/2563 ให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์แก้ไขข้อบกพร่อง โดยดำเนินการให้ผู้รับผิดชอบจัดหาหลักประกันให้ครอบคลุมจำนวนเงินสดขาดบัญชี และให้นำกำไรสุทธิในจำนวนที่ถูกต้องตามที่ผู้สอบบัญชีแสดงความเห็น คือ 874,120,339.72 บาทเสนอต่อที่ประชุมใหญ่เพื่อจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี
ต่อมาเมื่อสหกรณ์ได้รับแจ้งคำสั่งแล้วได้รายงานการปฏิบัติตามคำสั่งสหกรณ์ โดยได้มีหนังสือลงวันที่ 7 ก.พ. 63 ขอให้ผู้รับผิดชอบนำหลักประกันมาเพิ่มเติมให้ครอบคลุมจำนวนเงินสดขาดบัญชีแล้ว
ในหนังสือชี้แจงของสหกรณ์จังหวัดขอนแก่นชี้แจงต่อว่า ในวันที่ 13 ก.พ. 63 สหกรณ์ได้นำกำไรสุทธิในจำนวน 1,126,271,660.15 บาท เสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 62 ซึ่งที่ประชุมมีมติอนุมัติให้จัดสรรกำไรสุทธิตามที่เสนอ จึงไม่เป็นไปตามที่ผู้สอบบัญชีได้แสดงความเห็นต่องบการเงินและไม่เป็นไปตามคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวและนายทะเบียนสหกรณ์ได้วินิจฉัยแล้วให้ยกอุทธรณ์ของสหกรณ์
วันที่ 6 มีนาคม 63 สหกรณ์จังหวัดขอนแก่นในฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์ จึงมีคำสั่งรองนายทะเบียนสหกรณ์ ที่ (ขก) 31/2563 เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 63 และคำสั่งรองนายทะเบียนสหกรณ์ ที่ (ขก) 32/ 2563 เพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ ครั้งที่ 46/2562 เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 63 เฉพาะระเบียบวาระการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี 2562 สหกรณ์จึงอุทธรณ์คำสั่งทั้ง 2 ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้พิจารณาแล้วมีมติยกอุทธรณ์ของสหกรณ์ทั้ง 2 คำสั่ง
ทั้งนี้ สก.ขก.ยังคงมีสิทธิโต้แย้งคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ และคำสั่งรองนายทะเบียนสหกรณ์ดังกล่าวได้ ด้วยการฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งผลการอุทธรณ์
ประเด็นที่ 4 เหตุที่รองนายทะเบียนสหกรณ์ยังมิได้พิจารณาสั่งปลดคณะกรรมการดำเนินการ สก.ขก.ชุดปัจจุบัน ด้วยเหตุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดขอนแก่นในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแสวงหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และจะต้องตรวจสอบว่าการที่สหกรณ์มีมติอนุมัติจัดสรรกำไรสุทธิในจำนวน 1,126,271,660.15 บาท ตามที่ถูกเพิกถอนมติที่ประชุมไปแล้ว ได้ทำให้สหกรณ์เสียหายหรือสมาชิกต้องเสื่อมเสียประโยชน์อย่างไรหรือไม่
ส่วนกรณีการปฏิบัติตามคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ และคำสั่งรองนายทะเบียนสหกรณ์ของคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ ขณะนี้เบื้องต้นสหกรณ์ได้รายงานว่าจะมีหนังสือให้ผู้รับผิดชอบจัดหาหลักประกันเพิ่มเติมอีกครั้ง และสหกรณ์ได้กำหนดการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี 2562 ใหม่ภายในเดือน มิ.ย. 62 โดยจะนำกำไรสุทธิในจำนวน 894,120,339.72 บาท เสนอต่อที่ประชุมใหญ่เพื่อจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี 62 ต่อไป