ศูนย์ข่าวขอนแก่- เ กษตรกรชาวหนองสองห้องร้องทุกข์สื่อมวลชน ถูกอู่ ต.เกษตรยนต์ อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิหลอกวางเงินมัดจำกว่า 130,000 บาท จ้างต่อรถอีแต๋น นัดรับรถ 26 ธ.ค.61 แต่จนถึงตอนนี้เกือบ 2 ปียังไม่ส่งมอบ ทวงเงินมัดจำก็ไม่ยอมคืน ซ้ำท้าให้แจ้งความ สุดท้ายตำรวจก็ช่วยไม่ได้ ร้องศูนย์ดำรงธรรมเรื่งก็เงียบ
รายงานแจ้งว่าที่ จ.ขอนแก่น นายวิลัย บุญเพ็ง อายุ 54 ปี เกษตรกรชาวบ้านดอนแดง ต.สำโรง อ.หนองสองห้อง ได้ร้องทุกข์กับสื่อมวลชนกรณีไม่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องการได้เงินที่ถูกหลอกไปจำนวน 130,000 คืนมา เงินจำนวนนี้ตนไปกู้นำไปวางเป็นค่ามัดจำ ทำสัญญาจะซื้อจะขาย ว่าจ้างให้อู่ ต.เกษตรยนต์ ตั้งอยู่ใน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ประกอบรถอีแต๋นให้ในราคา 2 แสน 3 หมื่นบาท
โดยในสัญญาระบุวันนัดมอบรถวันที่ 26 ธันวาคม 2561 แต่จนถึงทุกวันนี้ ผ่านมา 1 ปี กับอีก 8 เดือน ยังไม่ได้ทั้งรถและเงินมัดจำคืน
นายวิลัย กล่าวว่าตนไปทวงถามติดตามเรื่องนี้ถึง อู่ ต.เกษตรยนต์มากกว่า 10 ครั้ง แต่ละครั้งต้องเสียเงินค่าจ้างรถกว่า 1,000 บาท แต่นายวิรัตน์ เจ้าของอู่ก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด อ้างว่า กำลังประกอบ กำลังทำให้อยู่ เมื่อไปถามครั้งใหม่ ก็พบว่า ไม่ใช่คันเดิมจึงจับผิดได้ว่า พูดโกหก เคยอ้างด้วยว่า เอารถอีแต๋นขึ้นรถบรรทุกเดินทางไปส่งแล้ว แต่เกิดอุบัติเหตุ รถอีแต๋นเสียหาย ตนขอดูรถ นายวิรัตน์ก็ไม่ยอมพาไปดู
ช่วงที่ตนจำเป็นต้องใช้รถบรรทุกมันสำปะหลัง ตนเจรจานายวิรัตน์ให้หารถสำรองมาให้ตนใช้ 3 เดือน มาทราบภายหลังว่า นายวิรัตน์แอบนำรถอีแต๋นของลูกค้าคนอื่นมาให้ จนเจ้าของมาติดตามรถถึงบ้านช่วงต้นปีที่ผ่านมา ลูกสาวพาพ่อและแม่ไปทวงรถ ทวงเงินที่อู่อีกครั้ง พบทั้งนายวิรัตน์และนางราตรี ทับอาษา ภรรยา อ้างว่า จะหาทางกู้เงินมาคืนให้
บางช่วงมีการถกเถียงกันอย่างรุนแรง เจ้าของอู่พูดท้าทายด้วยว่า ต่อให้ไปฟ้องนักข่าว และตำรวจก็ไม่กลัว
นายวิลัยกล่าวด้วยว่า ตนต้องการแจ้งความดำเนินคดีจเจ้าของอู่ แต่ตำรวจบอกว่าเป็นเรื่องทางแพ่ง ให้ไปตกลงกันเอง จึงทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 3 ก.ค.62 นายวิรัตน์และนางราตรี ตกลงว่า จะนำรถส่งมอบในวันที่ 3 ส.ค. 62 หากผิดสัญญาจะยินยอมคืนเงินมัดจำ 130,000 บาทให้ ครั้งที่ 2 ลงบันทึกประจำวัน 28 เม.ย. 63 เจ้าของอู่ทั้งผัวทั้งเมีย บอกว่าจะส่งมอบรถภายในเดือน ส.ค. 63 แต่ก็ไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้เป็นครั้งที่ 2
จากนั้นข่าวได้ให้นายวิลัยโทรศัพท์สอบถามความคืบหน้าการต่อรถอีแต๋นกับนายวิรัตน์ แต่ก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิมว่าใกล้เสร็จแล้ว ได้รถแน่นอน แต่ไม่ระบุเวลาชัดเจน ทั้งนี้ในหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายมีข้อความระบุว่า หากไม่ได้รับรถภายในวันที่ 26 ธันวาคม 2561 ยินยอมให้ผู้ซื้อปรับวันละ 500 บาท จนกว่าจะได้รับรถ
ซึ่งถ้าคิดตามจำนวนวันที่ผิดสัญญา ผู้ขายต้องจ่ายเงินกว่า 300,000บาท ซึ่งค่าปรับเกินกว่ามูลค่ารถอีแต๋นที่จ้างประกอบตามสัญญาเป็นเท่าตัว
นายวิลัยกล่าวอีกว่า หลังมีปัญหากับทางอู่ตนก็หวังพึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ผิดหวังเพราะทำได้แค่ลงบันทึกประจำวัน พอทางอู่ไม่ทำตามข้อตกลง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ แม้แต่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น ตนก็เคยเข้าไปร้องเรียนแล้ว แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าเช่นกัน ตนไม่รู้จะพึ่งหน่วยงานรัฐองค์กรไหนได้อีกแล้ว